เมื่อเวลา11.00น. วันที่ 5 ก.พ.63 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส.พร้อม พล.ต.ต.พรชัย. เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.,พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 และ พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 ร่วมแถลงผลการจับกุมนายศักดา เลิศรัศมีทัศน์ หรือ ตี๋ อายุ 35 ปี นายธนโชติ ช้างกร อายุ 30 ปี นายนราธร ทิพย์ทวีอายุ 19 ปี และ น.ส.คะนึงนุช ทาฟูอายุ 31 ปี ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติด “ตี๋ ลาดพร้าว” โดยมีของกลางยาบ้า 500,000 เม็ด,ไอซ์ 5 กิโลกรัม,เคตามีน 3 กิโลกรัม,ปืนสั้นขนาด .38 พร้อมกระสุน 44 นัด,รถยนต์เก๋ง 4 คัน,รถจักรยานยนต์ 6 คัน และเงินสด 2.1 ล้านบาท พร้อมขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่บ้านพักซอยสตรีวิทยา 2 ซอย 10 แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลการจับกุมคดียาเสพติดใน จ.ปทุมธานี เมื่อปี 2562 โดยยึดยาบ้าได้ 1.4 ล้านเม็ด แล้วพบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา เชื่อมโยงถึงนายศักดา หรือตี๋ ชุดจับกุมจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นที่บ้านพักหลังดังกล่าว พบเป็นสถานที่พักยาเสพติด โดยมีของกลางซุกซ่อนในรถยนต์และบ้าน ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรของนายศักดา พบว่าเคยถูกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.จับกุมในคดีสมคบกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเมื่อปี 2555 โดยมีไอซ์ของกลาง 94 กิโลกรัม ผู้ต้องหาได้สู้คดีกระทั่งศาลมีคำสั่งยกฟ้องและปล่อยตัวนายศักดาในปี 2558 แล้วเข้ามามีส่วนร่วมกับขบวนการยาเสพติดในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อปี 2561 อีกครั้ง ก่อนมาถูกจับกุมในที่สุด พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า นายศักดา เป็นตัวการใหญ่ของเครือข่ายในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเดินทางไปรับมาจากนายทุนในภาคเหนือ และทำมานานพอสมควร โดยแบ่งหน้าที่ให้ลูกน้องซึ่งส่วนมากจะเป็นเด็กแว้นและเคยถูกจำคุกมาคอยกดเงิน เปิดบัญชี และส่งของ ซึ่งในการจับกุมครั้งนี้ มั่นใจว่านายศักดาจะไม่หลุดคดีแน่นอน เพราะเจ้าตัวรับสารภาพและจับกุมได้ขณะกำลังขนย้ายยาเสพติด และได้เปลี่ยนจากการแพ็กใส่มัดมาซุกซ่อนใส่ถุงชาเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และซื้อขายกันผ่านโซเชียล โดยให้ลูกค้ามารับยาเสพติดที่บ้านหลังนี้เอง สำหรับทรัพย์สินทุกรายการ นายศักดาซื้อด้วยเงินสด ทั้งที่ไม่ประกอบอาชีพ และพบว่ามีเงินเข้าออกบัญชีวันละเป็นหลักล้านบาท ขณะที่นายศักดา รับว่าตนเองรับไอซ์มาขายล็อตล่าสุดต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาขายกิโลกรัมละ 1.3 แสนบาท พล.ต.ต.วัชระ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด พบว่าไม่ได้ประกอบอาชีพแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาบ้าและไอซ์ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ก่อนคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดี มีรายงานว่า บ้านหลังที่เกิดเหตุนั้นถูกซื้อด้วยเงินสดโดยใช้ชื่อบิดามารดาของลูกน้องมาซื้อ ส่วนนายศักดา จะพักอาศัยอยู่ที่คอนโดอีกแห่งที่คอนโดย่านเสนานิคม 1 แขวงจันทร์เกษม เขตลาดพร้าว ซึ่งตำรวจได้เข้ายึดเงินสด 1.8 ล้านบาท และนาฬิกาหรูยี่ห้อปาเต๊ะ ฟิลิป ราคา 4 แสนบาท