“ปารีณา” ยื่น “ชวน” สอบจริยธรรม “เสรีพิศุทธ์” ปมเลือกปฏิบัติรับเรื่องร้องเรียน บอกถ้าต้องทน-ไม่อยากรับเรื่องที่ตัวเองถูกร้องเรียน ก็ควรจะลาออกไป เมื่อวันที่ 5 ก.พ. เวลา 11.15 น. ที่รัฐสภา เกียกกาย น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชารัฐ แถลงร้องเรียนนายชวนหลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกปฏิบัติรับเรื่องร้องเรียนของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎรว่า การไม่รับเรื่องร้องเรียนทำให้เกิดปัญหาในกมธ. เช่น กรณีนายสนธยา สวัสดี มายื่นหนังสือร้องเรียน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เรื่องหมิ่นเบื้องสูง นอกจากนี้ยังมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตอีกประมาณ 3-4 เรื่อง ซึ่งตนในฐานนะกรรมาธิการฯ พยายามจะยื่นเรื่องเข้ากรรมาธิการฯ ก็ไม่สามารถทำได้ ต้องไปยื่นเรื่องที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ เพื่อจะให้ส่งเรื่องกลับมาที่กรรมาธิการฯ ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พยายามบ่ายเบี่ยงในเรื่องดังกล่าวนี้ จนนำไปสู่การต่อว่าตนด้วยคำว่า “เสือก” และทุกวันนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ยังไม่ถอนคำพูด เช่นเดียวกันกับเรื่องวันนี้ ที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐในฐานะกรรมาธิการฯ ยื่นหนังสือร้องเรียนให้มีการสอบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กรณีปลูกบ้านรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนยื่นหนั้งสือสื่อมวลชนก็อยู่ในห้องจำนวนมาก และเห็นว่าประธานกรรมาธิการฯ มีการบ่ายเบี่ยงที่จะรับหนังสือร้องเรียน และอ้างว่าตอนนี้อยู่ในการพิจารณา ทั้งนี้การรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเรื่องของประชาชน เป็นสิ่งที่ควรจะรับเรื่องร้องเรียน น.ส.ปารีณา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเวลามีการประชุมกรรมาธิการฯ ขณะพิจารณาอยู่ก็มีประชาชนเดินเข้ามายื่นหนังสือร้องเรียน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็รับตลอด และสื่อมวลชนก็เห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บ่นเยอะว่าทนๆ แต่ถ้ารู้สึกว่าต้องทนกับการถูกยื่นเรื่องร้องเรียนต่างๆ หรือไม่อยากรับเรื่องที่ตัวเองถูกร้องเรียนก็ควรจะลาออกไป อย่างไรก็ตามตนจะไปยื่นเรื่องให้นายชวน สอบจริยธรรมในการเรียกปฏิบัติเรียกรับหนังสือร้องเรียนของประธานกรรมาธิการฯ นอกจากนี้ ก็มีการหยิบยกเรื่องเก่าขึ้นมาพิจารณาคือ เรื่องนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งบรรจุในวาระการประชุม ซึ่งเรื่องนี้ตนได้แจ้งกับประธานกรรมาธิการฯ ในที่ประชุมแล้วว่า เรื่องนี้จบไปแล้วว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติ 5 ต่อ 3 ระบุว่าไม่มีความผิดการไม่จงใจแจ้งเรื่องนาฬิกา ดังนั้นกรรมาธิการฯจึงไม่มีอำนาจที่จะเรียกคนนั้นคนนี้มาตรวจสอบ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต โดยตนจะทำหนังสือร้องเรียนถึงประธานสภาฯ และหวังว่าประธานสภาฯ จะรับเรื่องนี้และตั้งกรรมาการสอบพฤติกรรมของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ต่อไป