ครม. ไฟเขียว ร่างพ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย กำหมดโทษหนัก เจ้าหน้าที่พนักงานทำนอกเหนือที่กำหนดเจอโทษเป็น 3 เท่า วันที่ 4 ธ.ค. เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย เนื่องจากการก่อการร้ายเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่งคง และความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ รวมทั้งเป็นปัญหาที่มีความรุนแรงสลับซับซ้อน หากไม่ดำเนินการแก้ไขจะเกิดผลกระทบในวงกว้างต่อความมั่นคงแห่งชาติ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการออกมาป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายนี้ โดยร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม และตักบทบัญญัติในส่วนที่ซ้ำกับกฎหมายอื่นออกไปหมดแล้ว โดยสาระสำคัญ คือการกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย โดยจะกำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมถึงมาตรการในการคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานและเจ้าหน้าที่ที่คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพของประชาชน โดยมีมาตรการคือ 1. มาตรการเชิงป้องกันการก่อการร้าย กำหนดอำนาจทั่วไปสำหรับพลักงานเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปในเคหะสถาน เพื่อตรวจค้น การค้นบุคคล หรือยานพาหนะ ถ้ามีเหตุต้องสงสัย ยึดทรัพย์สิน ห้ามเข้า ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม ยานพาหนะ อาคาร สถานที่ สามารถสั่งอพยพและเข้าถึงการได้มาซึ่งเอกสารและข้อมูลข่าวสาร การสะกดรอยผู้ต้องสงสัย การปฏิบัติการอำพราง การเคลื่อนย้ายภายใต้การควบคุม รวมถึงอำนาจในการจับกุมและการควบคุมตัวบุคคล น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อว่า 2.มาตรการเชิงปราบปรามการก่อการร้าย อำนาจของเจ้าหน้าที่พนักงาน หากประกาศสถานการณ์ภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติแล้ว สามารถออกคำสั่งให้บุคคลห้ามออกไปนอกราชอาณาจักร สามารถออกคำสั่งให้คนต่างด้าวออกไปนอกราชอาณาจักร มีการควบคุมการซื้อขายการครอบครองใช้อาวุธ ทั้งนี้จะต้องไม่สมควรเกินกว่าเหตุ ต้องทำด้วยความจำเป็น 3.ขอบเขตการบังคับใช้หรือเขตอำนาจศาล หรือเขตสถานะของพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้การดำเนินคดีต้องอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม รวมทั้งกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับการแต่งตั้ง เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ตามประมวลกฎหมายอาญา สำหรับบทกำหนดโทษ กำหนดให้ผู้ใดก็ตามที่เปิดเผยการได้มาซึ่งเอกสารหรือข้อมูลข่าวสารตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 3-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000-100,000 บาท และกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับการกระทำนอกเหนือจากปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ต้องระวังโทษหนักเป็น 3 เท่าของการกำหนดความผิดไว้