นายวรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นิด้า โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว Warat Karuchit ระบุว่า ... ใครจะบ่น จะว่าประเทศตัวเองยังไง แต่เหตุการณ์ไวรัสโคโรน่าครั้งนี้ ทำให้ผม "โคตรภูมิใจ" กับประเทศของตัวเอง ทำไมนะเหรอครับ ก็ลองดูเรื่องจริงๆง่ายๆที่เกิดขึ้น - นักท่องเที่ยวจีนมาไทยเยอะสุด แต่สัดส่วนผู้ติดเชื้อน้อยสุด เพราะเราคัดกรองและแยะผู้ป่วยไปรักษาได้ดี และที่สำคัญ ไม่มีใครตาย รักษาหายไปมากกว่าครึ่งแล้ว และเชื่อว่าที่เหลือก็จะหายและกลับบ้านได้ - ในขณะที่ประเทศอื่นกำลังแข่งกันผลิตวัคซีน แต่พี่ไทยเป็นประเทศแรกที่คิดยารักษาได้ โดยเอายารักษาโรคเอดส์ผสมยาไข้หวัดใหญ่ เออ ดูความเก่งในการพลิกแพลงของแพทย์ไทย - และแม้จะเริ่มมีบางร้านติดป้ายไม่ต้อนรับคนจีน แต่คนไทยส่วนใหญ่ มีแต่ส่งกำลังใจให้ มีวุฒิภาวะพอที่จะแยกแยะว่านี่ไม่ใช่ความผิดของใคร แต่เป็นวิกฤตที่ทั่วโลกต้องช่วยกัน แม้กระทั่งพระประมุขของไทยยังทรงแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจมหามิตรของไทย แต่ประเทศอื่นวิตกจริตกันแบบแสดงความเห็นแก่ตัว และลามไปถึงการรังเกียจคนเอเชียด้วย - คนไทยในจีนเอง เราก็พยายามดูแลอย่างดีที่สุด แม้จะต้องรอคิวกลับบ้านตามระเบียบของจีน แต่เราให้เดินทางฟรี และเชื่อว่ากลับมาก็ต้องดูแลอย่างดีไม่ใช่ปล่อยเกาะแบบหลายประเทศ จนทั้งคนกลับและคนในพื้นที่ประท้วงกันวุ่นวาย ทั้งหมดนี้ ดำเนินการจนกระทั่งทั่วโลกต้องมามองไทยแล้วทึ่ง ทูตจีนซาบซึ้ง คนป่วยจีนหายกลับไปโพสต์ชื่นชมเป็นการใหญ่ ชาวเน็ตจีนต่างขอบคุณและโพสต์ว่าฉันรักประเทศนี้จริงๆ ต่างชาติอึ้งว่าไทยแลนด์ ยูทำได้ยังไง!? แบบนี้จะไม่ให้ผมปลื้มประเทศตัวเองได้ไง ประเทศเล็กๆในเอเชีย ที่ทั่วโลกต้องทึ่ง ส่วนใครไม่ปลื้ม จะเอาแต่จับผิด ก็ถือเป็นกรรมของตัวเองก็แล้วกัน! (โอเคนะ ปัญหามันก็คงจะมีบ้าง แต่โพสต์นี้คือ ขอชื่นชมและให้กำลังใจคนทำงานที่ทุ่มเทมากๆตลอดหลายวันมานี้ครับ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับที่อื่นๆแล้ว เราถือว่าไม่แย่เลย และเชื่อเถอะครับ เมื่อวิกฤตนี้ผ่านพ้นไป คนจีนจะยิ่งให้ใจกับประเทศไทยแบบหมดใจเลย) โพสต์ "โคตรภูมิใจ" นั่น มาจากฟีลลิ่งล้วนๆ แต่โพสต์นี้ เอาหลักฐานความเจ๋งของระบบสาธารณสุขของไทยมาให้ดูกันเต็มๆครับ นี่คือตารางอันดับ Global Health Security Index 2019 หรือดัชนีความปลอดภัยทางสาธารณสุข ของประเทศต่างๆ โดยสำรวจมากถึง 195 ประเทศทั่วโลก ซึ่งองค์กรที่ร่วมทำการจัดอันดับ ก็คือ ศูนย์การแพทย์ของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ดังนั้นการสำรวจนี้เชื่อถือได้แน่นอน ถ้าท่านลองดูตารางแรกแล้ว เห็นอะไรบ้าง? ผมเห็นอย่างน้อย 4 ข้อคือ 1. ประเทศไทย ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยทางสาธารณสุขเป็นอันดับ 6 ของโลก ในคะแนนรวม ได้คะแนน 73.2 / 100 (ห่างจากที่ 2 คืออังกฤษ แค่ 4 คะแนน) ซึ่งอันดับที่ 1-13 นั้น ถูกจัดอยู่ในประเทศที่มีความพร้อมมากที่สุด (Most Prepared) 2. ไทยเป็นประเทศอาเซียนเพียงประเทศเดียวในกลุ่มที่มีความพร้อมมากที่สุด และเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย เหนือกว่าเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ 3. ไม่ใช่แค่อันดับหนึ่งในเอเชีย แต่ไทยยังมีคะแนนสูงกว่ามหาอำนาจหลายประเทศ ที่คนทั่วไปเรียกว่าเป็นประเทศเจริญแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน ฟินแลนด์ และอื่นๆ 4. ไทยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มที่มีความพร้อมมากที่สุด ที่มีเศรษฐกิจปานกลางถึงสูง ประเทศอื่นในกลุ่มที่มีความพร้อมมากที่สุดนั้น เป็นประเทศในกลุ่มรายได้สูงทั้งสิ้น (ซึ่งก็หมายความว่า ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางถึงสูง ไทยเป็นอันดับหนึ่งของโลก) แต่ยังไม่หมดแค่นั้น ถ้าลองดูกันในรายละเอียด ประเทศไทย ไม่ได้อยู่แค่อันดับ 6 เท่านั้น แต่ไทยเราเป็นที่ 1 ของโลกด้วยซ้ำ แบบ 100 คะแนนเต็มเลย ถึง 11 ด้านจาก 34 ด้าน (เกือบหนึ่งในสาม) นั่นคือ 1. ความปลอดภัยทางชีวภาพ 2. การฉีดวัคซีน 3. ระบบห้องแล็บปฏิบัติการ 4. การบูรณาการข้อมูลระหว่างภาคส่วน 5. การประสานกันระหว่างระบบสาธารณสุขกับหน่วยงานด้านความปลอดภัย 6. การสื่อสารความเสี่ยง 7. การเข้าถึงการรักษาพยาบาล 8. การสื่อสารกันระหว่างบุคลากรทางการแพทย์ในช่วงวิกฤตทางสาธารณสุข 9. ความสามารถในการทดสอบและอนุมัติการดำเนินการตอบโต้ทางการแพทย์ (พิสูจน์ด้วยการคิดค้นวิธีการรักษาไวรัสโคโรน่าได้เป็นประเทศแรกๆของโลก) 10. การดำเนินการตามระเบียบสาธารณสุขนานาชาติ และการมีแผนลดความเสี่ยงการเกิดวิกฤต 11. การมีข้อตกลงข้ามพรมแดนด้านการตอบโต้ทางการแพทย์ในภาวะวิกฤต และแถมคือ การดำเนินการตอบโต้ในภาวะวิกฤต เราเป็นอันดับสองของโลก การมีแผนด้านการเตรียมความพร้อมและการตอบโต้ในภาวะวิกฤต เราเป็นอันดับสามของโลก ถ้าท่านอ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงจะรู้สึกว่า การที่ไทยเรารับมือไวรัสโคโรน่าได้ดีจนทั่วโลกต้องทึ่งนั้น ไม่ใช่เรื่อง "บังเอิญ" เลยสักนิดเดียว แต่เป็นศักยภาพและความสามารถของระบบสาธารณสุขไทย ความเก่งของบุคลากรทางทางแพทย์ของประเทศไทย มาร่วมภูมิใจกับ "ความเจ๋ง" ของประเทศไทยด้วยกันครับ เข้าไปดูข้อมูลของจริงได้ที่ https://www.ghsindex.org/ https://www.ghsindex.org/country/thailand/ ขอบคุณข้อมูลและภาพ เฟซบุ๊ก-Warat Karuchit