นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงผ่านทางรายการทุบโต๊ะข่าว ช่องอมรินทร์ทีวี ถึงกรณีที่ประชาชนแสดงความไม่พอใจการจัดงาน “วิ่งผ่าเมือง” เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2563 เนื่องจากมีการจุดพลุช่วงตี 3 โดยประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงระบุว่าไม่เหมาะสมจุดพลุช่วงกลางดึก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักผ่อน นายพิพัฒน์ กล่าวว่าจากกระแสดราม่า และเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน ที่จุดพลุตอนตี 3 นั้น ตนขอแสดงความรับผิดชอบเพียงผู้เดียว ที่ขาดความรอบคอบ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีการตรวจสอบรายละเอียดการจัดงานไม่เข้มงวด ทั้งนี้ยืนยันว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้มีการจุดพลุ แต่ปีนี้มีความผิดพลาดที่ไม่สามารถควบคุมงานได้ จึงฝากขอโทษมา ณ โอกาสนี้ “ฝากขอโทษสำหรับนักเรียนนักศึกษาในย่านหัวหมาก ซึ่งทราบว่าในวันดังกล่าวมีการสอบ ทำให้ต้องมีการปิดการจราจร จนกระทั่งถึงเวลา 07.30 น. การจราจรในพื้นที่ใกล้เคียงติดขัด ขอยืนยันว่าปีหน้าจะมีการแก้ไขปรับปรุง และคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนอย่างรอบคอบ” นายพิพัฒน์ กล่าว สำหรับการจัดงาน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน 2020” มีการประชุมเตรียมงานมากว่า 1 ปี ซึ่งมีบริษัทเอกชนทำการประมูลงานไปดำเนินการ และการจัดงานถือว่าจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งต้องการยกระดับสนามวิ่งประเทศให้ติดอันดับของโลก เนื่องจากปัจจุบันมีสนามมาราธอนที่โดนเด่นทั้งหมด 6 สนาม จากทั่วโลก ดังนั้น การจัดงานครั้งนี้ จึงต้องการความยิ่งใหญ่ ต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อผลักดันประเทศไทย เป็นสนามที่ 7 ของโลก จากสถิติจำนวนผู้เข้าร่วมงานในวันดังกล่าว 28,000 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 20% ทำให้ภายในพื้นที่ในสนามราชมังคลากีฬาสถาน มีจำนวนนักวิ่งมาราธอนเต็มพื้นที่ การจุดพลุจึงเป็นสัญญาณการเริ่มปล่อยตัวนักวิ่ง ซึ่งบริษัทเอกชนที่รับงานได้ใช้สัญญาณพลุเป็นการปล่อยตัว