เมื่อวันที่ 3 ก.พ.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.สกลนคร ในช่วงนี้หากใครได้ มาเยือน ถิ่นสกลนคร ในช่วงฤดูหนาว ที่พลาดไม่ได้ จะต้องไปชื่นชม สัมผัสอากาศยามเช้า ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่สุดของอีสาน คือ หนองหาร หรือที่เรียกกันว่า แอ่งสกลนคร ถือเป็นแหล่งน้ำจืด ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ความกว้างประมาณ 17 กิโลเมตร ยาวประมาณ 18 กิโลเมตร รวมเนื้อที่ประมาณ 123 ตารางกิโลเมตร ครอบคุลมพื้นที่ อ.เมือง กับ อ.โพนนาแก้ว รวมกว่า 10 ตำบล ถือเป็นทะเลสาบ ที่หล่อเลี้ยงชีวิต ชาวบ้าน มายายนานหลาย 100 ปี ที่สำคัญยังมีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ นิทานพื้นบ้าน รวมถึงตามตำนานพระอุรังคนิทาน เชื่อมโยงกับตำนานพญานาค เชื่อกันว่า หนองหาร สกลนคร เกิดจาก ตำนานรักผาแดงนางไอ่ เล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อครั้งในอดีต กล่าวถึงเมือง เอกชะธีตา มีพระยาขอมเป็นกษัตริย์ และมีธิดารูปโฉมงดงาม ชื่อนางไอ่คำ ทำให้ชื่อเสียง เลื่องลือไปถึงเมืองต่างๆ รวมถึง จนกระทั่ง เลื่องลือถึง ท้าวผาแพงแห่งเมืองผาโพง จึงพยายามมาจีบพุดคุย จนเกิดความรักใครและจะมีการสู่ขอตามประเพณี จนกระทั่งถึงเดือนหก เข้าฤดูฝน พระยาขอมเป็นกษัตริย์ แห่งเมืองหนองหารหลวง ได้ประกาศจัดงานบุญบั้งไฟเพื่อบูชาพญาแถนขอฟ้าฝน และประกาศไปยังเมืองต่างๆ ให้นำบั้งไฟมาร่วม ทั้งนี้ ท้าวผาแดง ทราบข่าว จึงได้นำบั้งไฟมาร่วมจุดด้วยจำนวนมาก โดยทาง พระยาขอมเป็นกษัตริย์ ได้ประกาศท้า ท้าวผาแดง ว่า หากบั้งไฟขึ้นสูงสุดนานกว่าของตน จะได้ครอบครอง นางไอ่คำ เป็นชายา แต่สุดท้ายผลปรากฏว่าบั้งไฟ ทั้งสองประทุ ไม่มีผลแพ้ชนะ ขณะเดียวกันในงานบุญบั้งไฟ ได้มี ท้าวภังคี พญานาคผู้เป็นลูกชายของสุทโธนาคแห่งเมืองศรีสัตตนาคนหุต ได้แปลงกายมาร่วมงานและหลงรักในความงามของนางไอ่คำเช่นกัน จนกระทั่งได้ แปลงกายเป็นกระรอกด่อน สีขาวเผือกสวยงาม ไปวิ่งเล่นแถวปราสาท ทำให้ นางไอ่คำ หลงใหลอยากได้ จึงสั่งให้นายพรานไปจับ แต่นายพรานได้ใช้ศรยิงกระรอกด่อน สิ้นใจตาย ทำให้ ท้าวพังคี อฐิษฐานจิตว่า ขอให้ร่างกายของข้านี้ ได้เป็นอาหารให้คนกินได้ทั้งเมือง แจกจ่ายอย่างไรก็ไม่มีวันหมด เมื่อกระรอกด่อนตาย ชาวเมืองจึงนำเนื้อมาประกอบอาหารแจกจ่ายกันอย่างทั่วถึง ยกเว้นแต่พวกแม่หม้ายที่ถูกรังเกียจจึงไม่ได้รับจากเนื้อกระรอกให้รับประทาน ในที่สุดความวิบัติเกิดขึ้น เมื่อท้าวสุทโธนาคทราบเรื่องที่ลูกชายถูกสังหาร จึงยกกองทัพนาคจากบาดาลขึ้นมาไล่ฆ่าทุกคนที่กินเนื้อกระรอกด่อน ท้าวผาแดงพานางไอ่คำขี่ม้าหนีพญานาคก็ไล่ตาม จนในที่สุดพญานาคก็ได้ตัวนางไอ่คำและปล่อยท้าวผาแดงกับพวกแม่หม้ายไปเพราะไม่ได้กินเนื้อกระรอกด่อน เมืองขอมทั้งเมืองได้จมลงสู่บาดาล กลายเป็นเมืองหนองหาน มาจนถึงปัจจุบันนี้ และเล่าเป็นตำนานนิทานพื้นบ้าน สืบต่อกันมา นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานทางโบราณคดี ที่เชื่อมโยงหลายอย่าง สำหรับประชาชน นักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาเยือน สกลนคร จุดสำคัญ ที่พลาดไม่ได้ คือ ริมฝั่งหนองหาร ใกล้ สระพังทอง หรือสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งถือเป็นจุดที่มีความสวยงาม เหมาะแก่การเที่ยว พักผ่อน ยิ่งบรรยากาศยามเช้า จะได้ ฟินกับ ความสวยงามแสงแรกยามเช้า พระอาทิตย์ ขึ้นริมฝั่งหนองหาร และมองเห็นหนองหาร กว้างใหญ่ ที่อุดมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ทางธรรมชาติ ที่สวยงามลงตัว อีกทั้งยังสามารถมองเห็น เกาะดอนสวรรค์ ที่ตั้งอยู่กลาง หนองหาร เนื้อที่มากกว่า 100 ไร่ เป็นส่วนหนึ่งในตำนานเรื่องเล่าผาแดงนางไอ่ เชื่อกันว่า อดีตเป็นเมืองแม่หม้าย ที่ไม่ได้กิน กระรอกด่อน หรือท้าวภังคี ลูกพญานาค ที่แปลงกายไปให้ นางไอ่คำ เห็น เพื่อให้หลงใหล แต่ถูกนายพรานยิงสิ้นใจก่อน จากนั้นได้มีคนเอาเนื้อไปกิน แต่เมืองแม่หม้ายไม่ได้นำไปกิน จึงรอดพ้นจากการถล่มเมืองของ พญานาค บิดาของ ท้าวภังคี จึงเป็นเรื่องเล่าต่อกันมา ที่สำคัญยังเป็นแดนดินที่ชาวบ้านเชื่อว่าลี้ลับเชื่อมโยงตำนานพญานาค และยังเป็นพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ที่น่าท่องเที่ยว ศึกษาประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ริมฝั่งหนองหาร ยามเช้า ยังเป็นจุดสำคัญสำหรับนักถ่ายภาพ ที่ชื่นชอบ ถ่ายภาพความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้น จากฝั่งหนองหาร ทิศตะวันออก รวมถึง ส่องนกประจำถิ่น นานาพันธุ์ รวมถึงนกหายาก ที่มีจำนวนมาก อาทิ นกเป็ดน้ำหลากหลายสายพันธ์ รวมไปถึง นกกระยาง นกกะเต็น นกอีโก้ง นกกระสา และยังมีอีกหลากหลายชนิด ไม่เพียงเท่านี้ ยังได้มีโอกาสชื่นชม วิถีชีวิต ชาวบ้าน ริมหนองหาร ยามเช้า จะมีการออกเรือหาปลา ตกเบ็ด วางตาข่ายดักปลา หรือเรียกกันว่า ใส่มอง ตามวิถีชีวิตพื้นบ้าน เพื่อนำไปเป็นอาหาร และสร้างรายได้ หล่อเลี้ยงชีวิต พอตกเย็นยังจะได้ชื่นชมความสวยงามของ พระอาทิตย์อัสตก ลับขอบฟ้า ทางทิศตะวันตกของเมืองสกลนคร ที่สามารถมองเห็น ทิวเขาภูพานทอดยาว สวยงามลงตัว หากใครมาเยือนสกลนคร ไม่ควรพลาดที่จะไปเที่ยวชม พักผ่อน ออกกำลังกาย สุดฟินกับความสวยงามริมหนองหาร