ช่วงที่ผ่านมามีโอกาสเข้าร่วมงาน อินเตอร์เนชั่นแนล ทัว ริสซึ่ม บอร์ส หรือ ไอทีบี 2017 ครั้งที่ 51 ซึ่งเป็นงานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในโลก โดยในแต่ละปีมีประเทศต่าง ๆ จากทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 180 ประเทศ ณ ศูนย์การจัดนิทรรศการเบอร์ลิน เอ็กซิบิชั่น กราวด์ส กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ซึ่งปีนี้ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้นำผู้ประกอบการไทยประมาณ 88 รายเข้าร่วม เพื่อส่งเสริมการขายการท่องเที่ยว การเจรจาธุรกิจ การประชุมเชิงวิชาการในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับทิศทางการตลาด พัฒนาการด้านเทคโนโลยีในการดำเนินกลยุทธ์การตลาดท่องเที่ยวที่สำคัญ เป็นต้น เปิดโอกาสให้เพื่อนบ้านนำเสนอ ทั้งนี้ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากการเข้าร่วมงาน ไอทีบี 2017 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งเป็นครั้งที่ 43 โดยคูหาได้ถูกออกแบบตกแต่งให้มีความทันสมัย แต่คงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ภายใต้สโลแกนอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ในแนวคิดดิสคัฟเวอร์ อะเมซิ่ง สตอรีส์ อิน อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ โดยเน้นการนำเสนอสินค้าและบริการแบบเดอะ ยูนีค ไทย โลคอล เอ็กซ์พีเรียน จนได้รับรางวัล เบสท์ เอ็กซ์ซิบิเตอร์ อันดับที่ 3 สาขาประเทศในแถบเอเชีย ออสเตรเลีย และโอเชียเนีย ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้จัดงานที่สร้างสรรค์ความคิดและปรับปรุงการนำเสนอคูหาของตัวเอง นอกเหนือจากการเจรจาซื้อขาย โดยในงานดังกล่าว ทางททท.ได้เชิญตัวแทนของรัฐบาล ในกลุ่ม CLMVทั้งสี่ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม เข้าร่วมงาน Lunch Networking ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ พร้อมกันนี้ได้เปิดโอกาสให้ประเทศเพื่อนบ้านนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวของตัวเองกับผู้ร่วมงาน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ถือเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกัน เนื่องจากเป็นเพราะแหล่งท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านต่างมีความสำคัญและน่าสนใจเช่นเดียวกับประเทศไทย ทั้งนี้เพราะเมื่อ ชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยแล้วก็สามารถข้ามไปเที่ยวชมแหล่ง ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย "ในปีนี้ประเทศเพื่อนบ้านเริ่มมีแคมเปญต่างๆ เหมือนประเทศไทย แต่ไทยก็จะยังคงเดินหน้าร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ไม่เฉพาะแต่ในเมืองใหญ่กับเมืองใหญ่เท่านั้น จะเป็นเมืองรองกับเมืองรอง หรือเมืองใหญ่กับเมืองเล็กสามารถเชื่อมโยงกันได้หมด โดยไม่ต้องผ่านเข้าไปในเมืองหลวง อย่างเส้นทาง เสียมเรียบ-ภูเก็ต เชียงใหม่-มัณฑะเลย์ ซึ่งในการเชื่อมต่อแบบนี้จะช่วยให้เกิดการท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคกันอย่างสะดวกมากขึ้น ด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับสายการบินต่างๆ ในโอกาสต่อไป" นางกอบกาญจน์ กล่าว อย่างไรก็ตาม นางกอบกาญจน์ ยังกล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญในงานนี้อีกหนึ่งข้อ คือ การได้นำเสนอให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวด้านการกีฬา เนื่องจากเวลานี้ประเทศไทยมีความพร้อมในด้านนี้ค่อนข้างสูง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการกีฬาที่ติดอันดับโลกมากมาย เช่น กีฬาทางน้ำ ศูนย์ฝึกและเก็บตัวนักกีฬา การวิ่งมาราธอน กอล์ฟ เจ็ทสกี เป็นต้น สอดรับกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวด้านการกีฬา ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพชนิดหนึ่ง ที่มักเดินทางร่วมกับครอบครัว และมีการใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง ในอัตราที่สูง รวมถึงระยะเวลาการพำนักในประเทศไทยค่อนข้างนานจึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญที่จะช่วยสร้างรายได้ให้ได้ตามเป้าที่กำหนดไว้ ทำงานลักษณะบูรณาการร่วมกัน ขณะที่ นายยุทธศักดิ์ ศุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในงาน ไอทีบี 2017 ที่ผ่านมา ทำให้เห็นการทำงานเป็นเครือข่ายในลักษณะบูรณาการร่วมกันในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และพันธมิตรทางธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ เอ็มโอยู กับ Lufthansa City Center (LCC) ด้วยข้อตกลงที่ว่าด้วยความร่วมมือในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Destination of the Year ซึ่งนับเป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรท่องเที่ยวในตลาดหลักอีกด้วย "การร่วมมือกับLufthansa City Center (LCC) ซึ่งมีเครือข่ายทราเวลเอเยนต์อยู่ทั่วโลก จะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยได้เป็นอย่างมาก อย่างเช่น ในด้านตลาดยุโรปที่มีเวลาพำนักอยู่ในไทยประมาณ 17-21 วัน ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เพราะฉะนั้นแม้รายได้จะไม่เติบโตมากนัก ค่าใช้จ่ายต่อวันต่อทริปไม่ค่อยสูง เนื่องจากที่ผ่านมาโตเพียง 3-4% ซึ่งการร่วมมือกับLufthansa City Center (LCC) จะทำให้รักษาฐานลูกค้าในตลาดยุโรปให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้ต้องไม่น้อยกว่า 4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา" นายยุทธศักดิ์ กล่าว ทั้งนี้ นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ในบางพื้นที่ของตลาดยุโรปยังติดลบเล็กน้อย อย่างเช่น ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งมีสาเหตุมาจาก ปัจจัยภายในของประเทศที่ส่งผลให้การเติบโตทางด้านท่องเที่ยวไม่ดีนัก แต่อย่างไรก็ตามในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียยังมีการเติบโตของรายได้ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงที่สุดในยุโรป โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวปี 2559 นักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศแถบยุโรปที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 6.1 ล้านคน ซึ่งในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6.3-6.5 ล้านคน ซึ่งเป้าหมายรายได้รวมหวังเติบโตเพิ่ม 10% หรืออยู่ที่ประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท ซึ่ง 2.7 ล้านล้านบาท จะมาจากตลาดในประเทศ 950,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นตลาดต่างประเทศนั้นเอง นอกจากนี้ นายยุทธศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า ด้วยการท่องเที่ยวในปัจจุบันมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพราะฉะนั้นความสวยงามของธรรมชาติจึงเป็นสิ่งที่ต้องรักษาไว้ ดังนั้นทางททท.จึงมีโครงการ The LINK Projects ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวที่อาศัยการเชื่อมโยงในหลายมิติ โดยมีจับคู่กับสำนักงานในประเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาสินค้าจำนวน 10 คู่ด้วยกัน ถือเป็นการกระตุ้นตลาดในประเทศ ที่เป็นพื้นที่ที่จับคู่ อีกทั้งยังเป็นการสร้างประสบการณ์ที่อยู่บนแนวคิดของการท่องเที่ยวเชิงชุมชนให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศไทยด้วย สร้างประโยชน์ให้กับต่างจังหวัด ด้าน นาย ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การเข้าร่วมงาน อินเตอร์เนชั่นแนล ทัว ริสซึ่ม บอร์ส หรือ ไอทีบี 2017 ในครั้งนี้ ได้มุ่ง เน้นการท่องเที่ยวที่ช่วยตอบสนองการสร้าง ผลประโยชน์ให้กับจังหวัดต่างๆ ของไทยที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวภายใต้ โครงการ The LINK Projects ซึ่งเป็นการจับมือทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานททท. ต่างประเทศกับจังหวัดที่มีความพร้อมด้านการท่องเที่ยวของไทย 10 จังหวัด คือ ลอนดอนกับแม่ฮ่องสอน ปารีสกับเลย เยอรมนีกับพังงา มอสโกกับเพชรบุรี โรมกับสุโขทัย สต็อกโฮมกับนครศรีธรรมราช ปรากกับตรัง ดูไบกับสมุทรสงคราม นิวยอร์กกับตราด และลอสแองเจลิสกับชุมพร เพื่อให้สำนักงานททท. ในต่างประเทศช่วยดูแลด้านการตลาดให้กับจังหวัดที่เป็นคู่ของตนเอง โดยเฉพาะการหานักท่องเที่ยวต่างชาติให้ ส่วนสำนักงานททท. ในประเทศมีหน้าที่ ประสานงานกับจังหวัดและชุมชนเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานสากล และคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดและชุมชนเอาไว้ให้ได้อีกด้วย