วันที่ 2 ม.ค. 63 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงจากกรณีที่มีการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณะรัฐประชาชนจีนนั้น ในห้วงตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่ผ่านมานั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีความห่วงใยผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตามท่าอากาศยานต่างๆ ทั้งจุดตรวจคนคนเข้าเมือง ด่านบก ด่านน้ำ รวมถึงสถานการณ์ดังกล่าวที่อาจมีการแพร่ระบาดออกในวงกว้าง เข้ามาในประเทศไทย ณ ช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองต่างๆ จึงได้ดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี โดย ผบ.ตร. โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. เข้าดูแลจัดการปัญหาดังกล่าว กำชับ สำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง ให้ร่วมปฎิบัติงานกับทุกภาคส่วน อาทิ รพ.ตร. สนับสนุนแพทย์ เครื่องมืออุปกรณ์ในการรักษาผู้ป่วย กองบินตำรวจ รับ-ส่งเคลื่อนย้ายในกรณีฉุกเฉินหรือเมื่อมีการร้องขอ และให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจบุคคลที่เดินทางมาจาก เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณะรัฐประชาชนจีน หรือบุคคลอื่น ที่เดินทางมาจากประเทศต้นทางที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อโรคระบาดอื่นๆ ซึ่งหากตรวจพบให้ประสานกับแพทย์ตรวจคนเข้าเมืองหรือเจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินการตรวจคัดกรองและส่งตัวผู้โดยสานที่พบสิ่งผิดปกติหรือมีอาการบ่งชี้ ดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุขต่อไป โดยไม่ให้กระทบต่อการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้โดยสารอื่นด้วย อีกทั้งได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกรายให้สวมใส่ถุงมือยาง และหน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ปฏิบัติหน้าที่ และได้ประสานไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ให้เตรียมพร้อมในการสนับสนุนด้านการรักษาตัว หากพบผู้ที่มีไข้สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน โดยหากพบว่ามีกรณีฉุกเฉิน ก็ให้กองบินตำรวจคอยสนับสนุนภารกิจ ตลอด 24 ชั่วโมง โดย สตม. ได้มีมาตรการและข้อสั่งการออกมาให้เจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดและปฎิบัติ ดังนี้ 1. ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทุก บก.ตม. และทุก ตม.จว. ติดตามสถานการณ์ข่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ชั้นในมากขึ้น โดยหากมีข้อมูลข่าวสารว่าพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม ให้ หน.ตม.จว.นั้นๆ รีบประสานหัวหน้าสาธารณสุขเพื่อขอข้อมูลเบื้องต้น ว่าเป็นผู้ติดเชื้อหรือไม่ พักรักษาอยู่ที่ใด 2. ให้มีมาตราการป้องกันตนเองในขณะปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เช่น มีเจลล้างมือ ณ ช่องตรวจ สวมหน้ากากอนามัยและถุงมือยาง ทำความสะอาดเคาท์เตอร์ ช่องตรวจ และหมั่นล้างมือบ่อยๆ 3. ปัจจุบัน( 1 ก.พ. 63) จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ภายในประเทศไทย มีจำนวนทั้งสิ้น 19 ราย ซึ่งบ่งชี้ได้ว่ายังคงมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างต่อเนื่อง และมีการติดเชื้อไวรัสจากคนสู่คนเกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นรายแรกแล้ว (คนขับแท๊กซี่) ให้ทุกหน่วยติดตาม และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และดำเนินตามมาตราการทุกข้อสั่งการตามอำนาจหน้าที่และภารกิจที่ สตม. รับผิดชอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ประจำช่องตรวจอนุญาต สังเกตพฤติกรรมของผู้ที่มารอรับการตรวจอนุญาตหากพบอาการต้องสงสัยที่เข้าข่ายโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ เช่น มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ไอแห้ง วิงเวียนศีรษะ หรือหายใจลำบากเป็นต้น ต้องรีบนำเข้าสู่กระบวกการคัดกรอง จากเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดค่อระหว่างประเทศหรือแพทย์ตรวจคนเข้าเมืองทันที และเพิ่มความละเอียดรอบคอบในการตรวจรายละเอียดข้อมูลบัตร ตม.6 ของผู้โดยสารขาเข้า โดยเฉพาะข้อมูลที่พักอาศัยเพื่อประโยชน์ในการติดตามภายหลัง ประกอบกับการอนุญาตบุคคลในกลุ่มประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ ต้องตรวจสอบแบบคำถาม(ต.8) ของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ หากยังไม่ได้ผ่านการตรวจคัดกรองจากแพทย์ ให้แนะนำผู้โดยสารให้ไปทำการตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ หรือแพทย์ตรวจคนเข้าเมือง ก่อนเข้ารับการตรวจอนุญาตเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีความห่วงใยผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่ ได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นเอาใจใส่และตรวจตราสุขภาพของกำลังพลในสังกัดอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หากพบว่าเจ้าหน้าที่คนใดมีอาการไข้ขึ้นสูงหรือต้องสงสัยว่าป่วยด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯให้รีบดำเนินการส่งตัวเพื่อให้แพทย์ตรวจรักษาต่อไป และให้เฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ ตลอดจนข่าวสานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องจากด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศหรือแพทย์ตรวจคนเข้าเมือง ทั้งนี้ ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วยที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อไวรัสฯ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารคัดหลัง เช่น เลือด หรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ต้องสงสัยว่าป่วยด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสฯ หากมีความจำเป็นที่จะต้องสัมผัสกับบุคคลดังกล่าวให้สวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย เช่น สวมหน้ากากอนามัย และหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่ หรือ แอลกอฮอล์ เจลล้างมือ เป็นต้น