เมื่อวันที่ 1 ก.พ.63 พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา และ พ.ต.ท.ธีรภาส ยั่งยืน รอง ผกก.4 บก.ป. ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย 1.น.ส.กัณฑ์ภิดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสกลนคร ซึ่งต้องหาว่า ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน รวม 2 หมาย 2.นายชัยบูรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัด สกลนคร ซึ่งต้องหาว่า ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน รวม 4 หมาย 3.นางกมลชนกสรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสกลนคร ซึ่งต้องหาว่า ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน รวม 5 หมาย และอีกรายหลบหนีไปบวช ทั้งนี้สืบเนื่องจากมีกลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่า“คณะปฏิรูปยุทธศาสตร์แห่งราชอาณาจักรไทสยาม” ได้มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อชักชวนให้บุคคลทั่วไปเข้าเป็นสมาชิก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ จึงร่วมกับหน่วยงานด้านการข่าวในพื้น ตำรวจสันติบาล กอ.รมน.จังหวัด และฝ่ายปกครอง สืบสวนทราบว่า กลุ่มดังกล่าวได้มีความเคลื่อนไหวอยู่ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะ จ.พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ พะเยา และ จ.เพชรบูรณ์ จึงได้เข้าไปซักถามสมาชิกในแต่ละพื้นที่ พบว่าทั้งหมดไม่ทราบที่มาของเงินทุนสนับสนุน และไม่เคยพบหรือรู้จักกับแกนนำผู้ก่อตั้งเพียงแต่เคยติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ และกลุ่มไลน์ (Line) ซึ่งผู้ก่อตั้งจะใช้ชื่อไลน์ (Line) ว่า “ดี” และ “คุณแผ่นดิน” กระทั่งตำรวจกองปราบได้สืบสวนจนทราบว่า นายกำจรเกียรติ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการจัดตั้งคณะปฏิรูปยุทธศาสตร์แห่งราชอาณาจักรไทสยาม พบนายกำจรเกียรติ กับพวก 5 คน พักอาศัยอยู่ด้วยกัน นายกำจรเกียรติ รับว่า ร่วมกับนายยุทธยา เป็นผู้ริเริ่มคิดจัดตั้งคณะปฏิรูปฯ โดยมีการจัดสร้างกลุ่มไลน์ (Line) เป็นช่องทางในการรวบรวมสมาชิก ซึ่งตนจะใช้ชื่อบัญชีไลน์ ว่า “ดี” และ“คุณแผ่นดิน” แจ้งกับสมาชิกว่า หากรวบรวมสมาชิกได้ครบตามโครงสร้างขององค์กรแล้วจะดำเนินการเปิดตัวองค์กร และจ่ายค่าตอบแทนตั้งแต่เดือนละ 15,000 – 2,000,000 บาท ต่อคน ตามตำแหน่งแต่ละระดับเพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนทั่วไปเข้าร่วมและเร่งหาสมาชิก ส่งข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน, รูปถ่าย, หมายเลขโทรศัพท์ และหมายเลขบัญชีธนาคาร ให้กลุ่มผู้จัดตั้งผ่านกลุ่มไลน์ (Line) โดยข้อเท็จจริงแล้วกลุ่มตนยังไม่มีงบประมาณที่จะจ่ายค่าตอบแทนให้แก่สมาชิกตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด โดยกลุ่มผู้จัดตั้งรับว่า ได้ประยุกต์แผนการดำเนินการและโครงสร้างมาจากกลุ่มของ น.ส.กัณฑ์ภิดา ซึ่งเคยจัดตั้งองค์กรในลักษณะใกล้เคียงกันขึ้นเพื่อใช้ในการหลวงลวงประชาชนมาแล้วและปัจจุบันได้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน จากการตรวจสอบพบว่า จากกลุ่มที่อาศัยอยู่ได้กันทั้งหมด 5 คน มี 3 คน ที่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”ได้แก่ 1. น.ส.กัณฑ์ภิดา 2. นายชัยบูรณ์ 3. นางกมลชนกสรณ์ จึงได้ดำเนินการจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สว่าง จ.สกลนคร ดำเนินคดีต่อไป ในส่วนของนายกำจรเกียรติ พบว่า เคยถูกจับกุมในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ในพื้นที่ สน.หัวหมาก เมื่อปี 61คดีถึงที่สุดแล้วยังมาก่อเหตุซ่ำอีก เนื่องจากบุคคลกลุ่มดังกล่าวได้จัดตั้งคณะปฏิรูปยุทธศาสตร์แห่งราชอาณาจักรไทสยาม และยังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมสมาชิก ยังไม่ปรากฏพฤติการณ์ที่ถึงขั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องการหยุดพฤติกรรมดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนต่อไป และจะได้ดำเนินการสืบสวนต่อไปว่า ผู้ที่เป็นสมาชิกกลุ่มในแต่ละระดับมีการกระทำความผิดใดอีกบ้าง ทั้งต้องการประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนทั่วไปหากมีใครที่ได้รับความเสียหายจาก จากการกระทำในลักษณะให้สามารถเข้ามาติดต่อแจ้งความได้ที่กองบังคับการปราบปราบได้ทันที จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ยังทราบอีกว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้ง ครู ตำรวจ ที่ตกเป็นเครื่องมือของแก๊งนี้จึงขอเตือนให้ประชาชน และคนทั่วไปให้ทราบว่า การให้ข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ และหมายเลขบัญชีธนาคาร แก่บุคคลอื่นอาจเป็นช่องทางให้กลุ่มมิจฉาชีพนำข้อมูลของท่านไปใช้ในการกระทำความผิดได้ จึงขอให้ใช้ความระมัดระวังในการเก็บรักษาข้อมูล สุดท้ายฝากเตือนไปยังกลุ่มมิจฉาชีพที่คิดจะหลอกลวงประชนในรูปแบบต่างๆ ให้หยุดความคิดและพฤติกรรม มิเช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะกองปราบปราม จะไม่ปล่อยให้ลอยนวลเด็ดขาด