จัดบิ๊กคลีนนิ่งเพื่อฆ่าเชื้อโรคบริเวณสกายวอล์คและทางเดินจากสยามไปถึงชิดลมพรุ่งนี้ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operations Center : EOC) กรณีโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งเป็นห้องประชุมวอร์รูม ตั้งอยู่บริเวณ ชั้น 2 อาคารศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) สำนักการแพทย์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งมีการหารือแนวทางการเตรียมความพร้อมป้องกันและรับมือโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019โดยมี นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร พญ.วันทนีย์ วัฒนะ และ นพ.พิชญา นาควัชระ รองปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักการแพทย์ ผู้บริหารศูนย์เอราวัณ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม พล.ต.ท.โสภณ กล่าวว่า จากการหารือร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นั้น เบื้องต้นในวันพรุ่งนี้ (1 ก.พ. 63) กรุงเทพมหานครกำหนดจัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเป็นการทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรคบริเวณสกายวอล์คและทางเดินจากสยามไปถึงชิดลม โดยมีบุคลากรของกรุงเทพมหานคร จำนวน 500 – 700 คน ร่วมกิจกรรม กำหนดเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 – 12.00 น. จุดรวมพลบริเวณสยามพารากอน สำหรับการทำงานของศูนย์ฯ นี้ จะเป็นการทำงานเชื่อมต่อกับสายด่วน 1669 และ 1422 รับแจ้งกรณีที่มีประชาชนเข้าข่ายต้องเฝ้าระวัง ซึ่งเมื่อได้รับแจ้งมาทางศูนย์ฯ จะจัดรถฉุกเฉินพร้อมวัสดุ และอุปกรณ์ป้องกันโรค รับผู้ป่วยมาตรวจรักษาและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยศูนย์ฯ จะเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ในส่วนของกรุงเทพมหานครเท่านั้น และจะเป็นรายกรณีไป เพื่อให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์ตามข้อมูลที่เป็นความจริง ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ออกประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตนในการเฝ้าระวังและป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 รวมถึงมีการแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนด้วย นอกจากนี้มีการทำความสะอาดพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เป็นการเตรียมความพร้อมรับมือโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับที่ 6 ของโลกในการเตรียมการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก และขอให้ดูแลตนเองให้แข็งแรง ทานอาหารให้ครบหมู่ กินร้อนช้อนกลาง พักผ่อนให้เพียงพอ ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งจะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากพบมีอาการต้องสงสัย อาทิ มีไข้มากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ รวมถึงมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรค สามารถปรึกษาหรือสอบถามรายเอียดเพิ่มเติมทางสายด่วนสุขภาพ สำนักการแพทย์ โทร. 1646 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือรีบพบแพทย์โดยเร็ว