"บิ๊กป้อม" ยันแล้งเอาอยู่ เผยแผนดันน้ำเค็มได้ผล ช่วยคนกรุงฯ และปริมณฑลปลอดน้ำเค็ม เมื่อวันที่ 31 ม.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจการแก้ไขปัญหาน้ำทะเลหนุนสูงในแม่น้ำเจ้าพระยาที่อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาว่า มาตรวจเยี่ยมการบริหารน้ำเพื่อดูแลปัญหาน้ำทะเลหนุนสูงไม่ให้กระทบกับระบบผลิตประปานครหลวง ซึ่งจากรายงานแนวทางบริหารของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยืนยันว่าน้ำประปาจะไม่เค็มแน่นอน "ยืนยันว่าน้ำกิน น้ำใช้ มีแน่นอน และจะดูแลไม่ให้คนไทยกินน้ำเค็มแน่ ฟังหน่วยงานรายงานก็มั่นใจทั้งกรมชลประทาน และ สทนช. ซึ่งจะมีวอร์รูมติดตาม ส่วนนาปรังก็ต้องขอร้องเกษตรกร เพราะเราให้งด ไม่มีน้ำให้ทำนา เพราะฉะนั้นหากเสียหายปลูกแล้วตาย จะไม่รับผิดชอบ"พล.อ.ประวิตร กล่าว ด้านดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่ากรมฯ ได้มีการวางมาตรการผลักดันน้ำเค็มโดยการวางแผนการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา-ชัยนาท เพิ่มจากปัจจุบันที่ระบายอยู่ที่ 17.45 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)หรือ อัตราการระบายที่75ลบ.ม.ต่อวินาที ส่วนจะเพิ่มอัตราระบายอีกหรือไม่จะต้องพิจารณาสถานการณ์อีกครั้ง ร่วมกับการผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองผ่านคลองจรเข้สามพัน ลงแม่น้ำท่าจีนและผันเข้าคลองพระยาบรรลือลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่ประตูระบายน้ำสิงหนาท 2 จำนวน 33 ลบ.ม.ต่อวินาที ร่วมกับการระบายลุ่มน้ำแม่กลองผ่านคลองท่าสาร-บางปลา ลงแม่น้ำท่าจีนผ่านคลองพระพิมล 18.7 ลบ.ม.ต่อวินาที และที่คลองปลายบาง 11.5 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อช่วยแม่น้ำเจ้าพระยาดันน้ำเค็ม อีกทั้งจะใช้การเปิด-ปิด ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ในการหน่วงน้ำเค็มและเร่งกระชากน้ำลงสู่ทะเลให้สอดคล้องกับจังหวะขี้นลงของน้ำทะเล "กรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ ได้คาดการณ์ว่าวันที่10-11ก.พ. จะมีน้ำทะเลหนุนสูงอีกรอบ กรมจะใช้แนวนี้บริหารจัดการน้ำเพื่อดันน้ำทะเล"ดร.ทองเปลว กล่าว นายประทีป ภักดีรอด ผู้อำนวยการสำนักสำรวจด้านวิศวกรรมและธรณีวิทยา กล่าวว่า กรมฯ ได้มีการผันน้ำมารวมไว้ที่หน้าประตูระบายเพื่อรอเวลาที่จะปล่อยออกเพื่อให้เกิดการกระแทกลิ่มความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา (Water Hammer Operation) โดยก่อนหน้านี้กรมชลประทานร่วมกับการประปานครหลวง (กปน.)ได้ร่วมกันปฏิบัติการ โดยสำรองน้ำจืดปริมาณที่มากพอสำหรับผลักดันลิ่มความเค็มให้เคลื่อนตัวไปให้ไกลจากสถานีสูบน้ำสำแล โดยได้มีการใช้โมเดลนี้ะหว่างวันที่ 25-26 ธ.ค.62 วันที่ 9-13 ม.ค.63 และวันที่ 24-27 ม.ค. 63