คลังปรับลดคาดการณ์จีดีพี ปี 63 ขยายตัวร้อยละ 2.8 จากเดิมร้อยละ 3.3 ยอมรับปัญหาไวรัสโคโรนากระทบท่องเที่ยว เร่งผลักดันการลงทุนภาครัฐ เอกชน เป็นตัวขับเคลื่อนการลงทุนและผลักดันเศรษฐกิจ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวขยายตัวร้อยละ 3.1 กระทรวงการคลังจึงปรับลดจีดีพีเป็นขยายตัวร้อยละ 2.8 จากเดิมคาดการณ์ร้อยละ 3.3 แต่ยังขยายตัวจากร้อยละ 2.5 ในปี 2562 เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และมีความไม่แน่นอนทางการค้า ทั้งนี้เมื่อมีปัจจัยลบใหม่เข้ามา จากปัญหาโรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่แพร่ระบาดในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวใหญ่ของไทย จึงคาดว่าตลอดช่วง 3 เดือนนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป จากปกติเดินทางเข้าไทยเฉลี่ย 800,000 คนต่อเดือน ยอดใช้เงิน 50,000 บาทต่อคน จึงเฝ้าจับตาการได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด กระทรวงการคลังจึงเร่งศึกษามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านโครงการชิมช้อปใช้เฟส 4 เพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังพิจารณาเร็วๆนี้ เพื่อหาทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปในช่วงนี้ ส่วนปัญหางบประมาณปี 2563 ล่าช้า ต้องรอการวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สำหรับโครงการลงทุนภาครัฐ หน่วยงานเจ้าของโครงการยังเดินหน้ายกร่าง TOR รับฟังความเห็น จัดประมูลงาน เตรียมลงนามสัญญา หากงบประมาณบังคับใช้ลงนามได้เลย เพื่อทำงานคู่ขนานไประหว่างรอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา จึงคาดว่าเงินลงทุนภาครัฐขยายตัวร้อยละ 6.5 เพิ่มจากร้อยละ 2.1 ในปี 2562 เมื่อการลงทุนภาครัฐขยายตัวย่อมส่งผลต่อการลงทุนภาคเอกชนขยับขึ้น เพราะรัฐบาลตั้งเป้าหมายปี 2563 เป็นปีแห่งการลงทุน “เมื่อภาครัฐเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่จะทำให้ภาคเอกชนลงทุนขยายตัวร้อยละ 4.2 จากปี 2562 ขยายตัวร้อยละ 2.4 โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลได้มีมาตรการส่งเสริมการลงทุน ทั้งการนำค่าใช้จ่ายลงทุนหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 2.5 เท่า การยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ และเป็นการนำเข้าในช่วงเงินบาทแข็งค่า การให้สินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนจากแบงก์รัฐ ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ลงทุนเพิ่ม ใช้โอกาสตัดสินใจขยายการลงทุน สำหรับการส่งออกขยายตัวร้อยละ 1 จากปี 2562 ชะลอตัวร้อยละ -3.2” โดยปัจจัยต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น ปัญหาโรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ เพราะกระทบต่อนักท่องเที่ยวของจีนเดินทางเข้าไทย และกระทบเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าส่งออกของไทย ความคืบหน้าเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ทิศทางดอกเบี้ยของประเทศพัฒนาแล้ว และการลงทุนของภาคเอกชนเมื่อรัฐบาลได้ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนไปแล้วจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง