เมื่อเวลา 10.00 น. เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมบริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย นายยุทธนา มหานุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 12 สำนักพัฒนาแหล่งน้าขนาดใหญ่ กรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามความก้าวหน้างานก่อสร้างโครงการประตูระบายน้ำขนาดบานระบาย 15.00 x 13.20 เมตร จำนวน 5 ช่อง และอาคารประกอบ พร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการประตูระบายน้ำศรีสองรักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ร่วมกับคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา และ ผู้รับจ้าง พร้อมตรวจรับงาน โดยปัจจุบันได้ผลงาน ร้อยละ 2.765 นายยุทธนา มหานุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 12 กล่าว หลังจากนายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการประตูระบายน้ำศรีสองรักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เร่งรัดให้มีการดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำสู่ลำน้ำเดิมก่อน เพื่อให้แล้วเสร็จภายในปี 2563 สามารถเก็บน้ำในลำน้ำเดิม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้มีน้ำไว้ใช้ ไม่ขาดแคลนน้ำ สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในช่วงฤดูแล้ง พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนสร้างการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนอย่างเข้มข้น เพื่อให้รับทราบประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จ “โครงการประตูระบายน้ำศรีสองรักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการที่ประกอบด้วยประตูระบายน้ำปิดกั้นระหว่างลำน้ำเลยกับลำน้ำโขง จำนวน 5 ช่อง กว้าง 15 เมตร สูง 13.2 เมตร สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยในช่วงน้ำหลากจะยกบานประตูเพื่อเร่งระบายน้ำในแม่น้ำเลยลงแม่น้ำโขง ส่วนช่วงน้ำโขงหนุน ประตูจะปิดบานกั้นน้ำโขงไม่ให้ไหลเข้ามาในแม่น้ำเลย รวมทั้งทำหน้าที่สำคัญในการทดน้ำเพื่อเก็บกักน้ำในแม่น้ำเลยไว้ใช้ในฤดูแล้ง ซึ่งในส่วนของประตูระบายน้ำลำน้ำเดิม จะมีประตูระบายน้ำจำนวน 2 ช่อง กว้าง 10 เมตร สูง 12.5 เมตร แบบให้เรือสัญจรผ่านได้ สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 400 ลบ.ม.ต่อวินาที และ เมื่อโครงการฯ แล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภค-บริโภค บรรเทาอุทกภัยในฤดูน้ำหลาก ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรได้กว่า 72,500 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 44 หมู่บ้าน 7 ตำบล มีประชากรได้รับประโยชน์รวมกว่า 9,287 ครอบครัว พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย สามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างสูงสุดให้แก่ราษฎรในพื้นที่”