จากกรณีที่มีไวรัส สายพันธุ์ใหม่ ชื่อ โคโรน่า ที่เกิดขึ้นในมณฑล อู่ฮั่น ของประเทศจีน และกำลังระบาดไปทั่วโลกและเชื่อว่า สาเหตุของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสน่าจะมาจากค้างคาว ซึ่ง จ.ราชบุรี นั้นถือเป็นแหล่งที่มีค้างคาวมากที่สุด โดยเฉพาะที่วัดเขาช่องพราน ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เป็นแหล่งที่มีค้างคาวมากกว่า 100 ล้านตัว อาศัยอยู่ในถ้ำบนยอดเขา และในช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ของทุกวันก็จะมีค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อออกไปหากิน โดยจะมีนักท่องเที่ยวไปดักรอชมและถ่ายรูปความสวยงามของค้างคาวที่บินออกมาเป็นสายยาว นอกจากนี้ภายในถ้ำค้างคาวก็จะมีชาวบ้านเข้าไปเก็บมูลค้างคาวออกมาขายเพื่อเป็นปุ๋ยให้กับพืชด้วย ในวันนี้(28 ม.ค. 63) ผู้สื่อข่าวจึงได้ไปสอบถามถึงความรู้สึกของชาวบ้านที่ใกล้ชิดและได้สัมผัสกับค้างคาวว่ากลัวจะติดเชื้อโรคหรือไม่ โดยสอบถามนายสิงหา สิทธิกูล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านเขาช่องพราน ต.เตาปูน อ.โพธาราม ก็บอกว่า ตนนั้นอยู่ใกล้ชิด กิน และสัมผัสกับค้างคาวมากกว่า 40 ปี แล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเป็นอะไร ที่ผ่านมาก็นิยมกันค้างคาวกันมาก แต่ในปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยนิยมกิน และตอนนี้ค้างคาวก็เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งจะมีโทษทั้งจำและปรับ ทำให้ความนิยมในการกินค้างคาวลดลงไป ในสมัยก่อนการกินค้างคาวจะกินเลือดสดๆ บางคนก็นำมา ผัด ทอด หรือพล่า ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเป็นอะไร ถึงแม้ตอนนี้จะมีข่าวเรื่องของไวรัส โคโรน่า กำลังระบาดและเชื่อว่าน่าจะเกิดมาจากการกินค้างคาว นายสิงหาก็บอกว่าชาวบ้านไม่มีใครกลัวเลย เพราะทุกคนที่อยู่รอบๆและคนที่ขึ้นไปเก็บมูลค้างคาว นั้นมีความเคยชิน ที่ผ่านมาก็มีหน่วยงานเข้ามานำชาวบ้านที่อยู่ในระยะรัศมีประมาณ 1 กม. ไปตรวจเลือด หรือไปตรวจเนื้อเยื่อในโพรงจมูกว่ามีเชื้อโรคอะไรหรือไม่ ก็ไม่พบว่ามีชาวบ้านคนใดติดเชื้อเลย