SAV ผู้ให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศเพียงรายเดียวในประเทศกัมพูชา เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย รองรับเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวกัมพูชาและอาเซียนขยายตัวต่อเนื่อง นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(SAMART) เปิดเผยว่า กลุ่ม SAMART ดำเนินธุรกิจหลายประเภทซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมที่สำคัญในกลุ่ม New S-Curve อาทิ ธุรกิจ ICT Solution & Service และธุรกิจด้านพลังงานและสาธารณูปโภค ที่อยู่ในสายธุรกิจ U-TRANS ที่รวมถึงธุรกิจด้านการบินที่มีการเติบโตสูง โดยมีบริษัทสามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน)หรือ SAV เป็นบริษัทในกลุ่มที่ SAMART ถือหุ้นจำนวน 100% ผ่านทางบริษัทสามารถ ยู-ทรานส์ จำกัด และบริษัทสามารถ อินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด โดย SAV เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ลงทุนในธุรกิจด้านการจราจรทางอากาศ และ มีรายได้หลักจากการให้บริการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ (Air Navigation Service Provider: ANSP) ในน่านฟ้าประเทศกัมพูชาผ่านบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (CATS) ซึ่งเป็นบริษัทที่ SAV ถือหุ้น 100% ซึ่งกลุ่มสามารถมีแผนที่จะนำบริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน)หรือ SAV เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจ สร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจให้กลุ่มสามารถ นายธีระชัย พงศ์พนางาม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV กล่าวเสริมว่า SAV ถือหุ้น 100% ในบริษัทแคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (CATS) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่ได้สิทธิในการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ครอบคลุมเส้นทางบินทั้งหมดของน่านฟ้าประเทศกัมพูชา โดยได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชา ระยะเวลารวม 39 ปี(2545-2584) ซึ่งปัจจุบันกัมพูชามีสนามบิน 6 แห่งได้แก่ สนามบินนานาชาติพนมเปญ,สนามบินนานาชาติเสียมเรียบ,สนามบินนานาชาติสีหนุ,สนามบินพระตะบอง,สนามบินเกาะกง และสนามบิน สตึงเตรง สำหรับ CATS มีรายได้หลักจากบริการควบคุมการจรารจรทางอากาศ โดยแบ่งตามประเภทเที่ยวบินได้ 3 ประเภทได้แก่ 1.รายได้ค่าบริการสำหรับเที่ยวบินที่บินขึ้น-ลงระหว่างประเทศ (Landing &Take-off : International) เป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 37 - 44% 2.รายได้ค่าบริการสำหรับเที่ยวบินที่บินขึ้น-ลงภายในประเทศ (Landing & Take-off : Domestic) เป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 4-5% และ 3.รายได้ค่าบริการสำหรับเที่ยวบินที่บินผ่านเขตน่านฟ้ากัมพูชา (Overflight) เป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 50% ของรายได้รวม ขณะที่ SAV มีผลการดำเนินงานที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งในประเทศกัมพูชาและภูมิภาคอาเซียน โดยมีรายได้จากจำนวนเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ที่บินขึ้น-ลง ในกัมพูชา ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และจำนวนเที่ยวบินที่บินผ่านน่านฟ้ากัมพูชา (Overflight) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ โดยมีจำนวนเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 9.5% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยในช่วง 9 เดือนแรกปี 2562 SAV มีรายได้รวม 1,556 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากรายได้รวม 1,440 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกปี 2561) และมีกำไรสุทธิจำนวน 389 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 208 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกปี 2561) เติบโตขึ้น 87% ส่วนในปี 2561 SAV มีรายได้รวมจำนวน 1,947 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 253 ล้านบาท โดย SAV สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับประมาณ 50% และอัตรากำไรสุทธิที่ 25% ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2562 นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บมจ. หลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาทางการเงินของ SAV กล่าวว่า SAV ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนตุลาคม 2562 โดยมีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญไม่เกิน 224,000,000 หุ้นประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 64,000,000 หุ้น หรือไม่เกิน 10% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเสนอขายหุ้น และหุ้นสามัญเดิมซึ่งรวมถึงหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายและหุ้นสามัญเดิมที่จัดสรรเป็นหุ้นส่วนเกินรวมไม่เกิน 160,000,000 หุ้น (คิดเป็นไม่เกิน 25% ของทุนจดทะเบียน ภายหลังการเสนอขายหุ้น) โดยมูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งบริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท และเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมธนาคาร “หุ้นไอพีโอของ SAV คาดว่าจะเป็นที่สนใจของนักลงทุน สืบเนื่องจากปัจจัยด้านการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวรวมถึงปริมาณการจราจรทางอากาศของทั้งกัมพูชาและภูมิภาคกว่าร้อยละ 10 ต่อปีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจให้บริการด้านการบินในกัมพูชาของ CATS นั้นถือว่าไม่มีคู่แข่งทางธุรกิจ อีกทั้งยังมีความมั่นคงทางรายได้สูงตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความสามารถในการทำกำไรในอัตราที่สูงมาโดยตลอด ทำให้บริษัทมีสถานะทางการเงินและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยในการดำเนินธุรกิจนั้น SAV และ CATS มีคณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในธุรกิจการบริหารจราจรทางอากาศมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ SAV มีนโยบาย การจ่ายเงินปันผลสูงถึง 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งเมื่อบวกกับความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งแล้ว เชื่อว่า SAV จะเป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนในระยะยาวอย่างแน่นอน” สำหรับ SAV มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 288,000,000 บาท มีหุ้นสามัญจำนวน 576,000,000 หุ้น โดยมูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันถือหุ้น 100% โดยกลุ่มสามารถโดยบริษัท สามารถ ยู-ทรานส์ จำกัด ในอัตรา 66.67% และบริษัท สามารถ อินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ในอัตรา 33.33%