นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้ยอดผู้โดยสารในไตรมาสแรกของปี 2563 ลดลงถึง 3 แสนราย แหรือสัดส่วนประมาณ 30-35% ของจำนวนผู้โดยสารจีนทั้งหมด เพราะทางการจีนสั่งห้ามนักท่องเที่ยวที่เป็นกรุ๊ปทัวร์เดินทางออกนอกประเทศ ทำให้ผู้โดยสารจีนที่เป็นกรุ๊ปทัวร์ของไทยแอร์เอเชียหายไป 2.4-2.5 แสนคน และผู้โดยสารจากเที่ยวบินเช่าเหมาลำราว 8 หมื่นคน ด้านอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (โหลดแฟกเตอร์) น่าจะยังอยู่ที่ระดับ 80-90% เพราะยังไม่มีการยกเลิกการจอง และอยู่ในช่วงไฮซีซั่น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นปัจจัยระยะสั้น และภาครัฐน่าจะมีมาตรการดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยหลังสถานการณ์คลี่คลายได้อย่างแน่นอน โดยคาดว่าในไตรมาสที่เหลือของปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาจากการกระตุ้นทางการตลาดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวในไทยได้อีกครั้ง ขณะเดียวกัน สายการบินไทยแอร์เอเชีย ได้หาตลาดอื่นเข้ามาเพิ่มเติมทดแทนจีนที่หดหายไป เช่น นักท่องเที่ยวอินเดีย เป็นต้น รวมทั้งจะเปิดเส้นทางบินใหม่ไปญี่ปุ่นตอนใต้ที่จะเข้ามาทดแทนเส้นทางจีน ได้แก่ เมืองฟุกุโอกะ ที่มีแผนจะเปิดทำการบินในเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนเส้นทางบินไปเมืองโอกินาวา และเมืองฮิโรชิมา อยู่ระหว่างขั้นตอนขออนุญาตบินเข้าจากทางการญี่ปุ่น โดยจะใช้เครื่องบินใหม่ แอร์บัส A321neo ที่สามารถบินได้ไกล 8 ชั่วโมง และจำนวนที่นั่ง 236 ที่นั่ง มากกว่าเครื่องเดิมที่มี 180 ที่นั่ง โดยทำการบิน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สำหรับ เส้นทางบินเข้า-ออกประเทศจีนของสายการบินในกลุ่ม ได้แก่ สายการบินไทยแอร์เอเชีย รวม 14 เมือง 20 เส้นทาง ได้แก่ กวางโจว เซินเจิน ซัวเถา ฉางชา คุนหมิง ซีอาน เฉิงตู เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิน เป็นต้น ส่วนฮ่องกง มาเก๊า รวม 2 เมือง 6 เส้นทาง และเชียงใหม่-ไทเป ขณะที่สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มีบินตรงเส้นทางเดียวคือ ดอนเมือง-เซี่ยงไฮ้ รวม 1 เมือง 1 เส้นทาง โดย นายสันติสุข กล่าวต่อว่า แนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ น่าจะสร้างรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ทั้งนี้ได้หันมาเน้นอัตรากำไร หรือมาร์จิ้น มากขึ้น ซึ่งบริษัทไม่มีแผนเพิ่มเครื่องบินในปีนี้ แต่จะมีการนำเครื่องบินใหม่ แอร์บัส A321 neo มาทดแทนเครื่องบินเก่า คือ แอร์บัส A320 จำนวน 5 ลำ ทั้งนี้ในเดือนมกราคมได้เปลี่ยนแล้ว 2 ลำ ทำให้จำนวนฝูงบินยังคงอยู่ที่ 60 ลำ ขณะที่การนำเครื่องบินใหม่มาใช้สามารถช่วยประหยัดต้นุทน 20% อีกทั้งในปีนี้ได้บริหารจัดการฝูงบินด้วยการนำเครื่องบินเก่าที่ตกรุ่นขายคืนผู้ผลิตซึ่งได้ราคาดี เป็นการขายออกไป 10 ลำ และเช่ากลับ 9 ลำ ทำให้บริษัทมีเงินสดเข้ามามากขึ้นเพื่อเสริมสภาพคล่อง ทำให้ปัจจุบันบริษัทถือครองเครื่องบินเหลือ 10 ลำ จาก 20 ลำ นอกจากนี้บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเอเอวี จะมีการทบทวนและปรับปรุงเส้นทางการบินที่ขาดทุน ตลอดจนลดจำนวนเที่ยวบิน อาทิ ดานัง ที่เปิดอยู่ 3 เที่ยวบิน/วันลดเหลือ 1 เที่ยวบิน/วัน ภูเก็ต ลดเที่ยวบินที่ปัจจุบันมี 17 เที่ยวบินต่อวัน และอาจจะมีการปรับเพิ่มเที่ยวบินในบางเมือง เช่น น่าน ซึ่งถือเป็นจังหวะในการปรับเปลี่ยนเส้นทางการบิน