เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 มกราคม ที่ทำการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทยสาขาจังหวัดนครราชสีมา (สร.รฟท.นม.) นายรังสี อุปแก้ว ประธาน สร.รฟท.นม. พร้อมสมาชิกซึ่งเป็นพนักงานทุกภาคส่วนของ รฟท. ได้นัดรวมตัวสำแดงพลังจุดยืน สร.รฟท. ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยคนใหม่ต้องเป็นคนใน ซึ่งจะมีกระบวนการสรรหาในวันที่ 29 มค. นี้ โดยชูป้ายที่มีข้อความเรียกร้องความถูกต้องและความเหมาะสม “ผู้ว่าคนใหม่ต้องเป็นคนรถไฟและรู้เรื่องรถไฟเท่านั้น” พร้อมร่วมส่งเสียง “คนรถไฟ สู้ๆๆ” เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานและคนรถไฟพันธุ์แท้ จากนั้นนายรังสี ฯ ประธาน สร.รฟท.นม. ได้อ่านแถลงการณ์ว่า การคัดสรร ผู้ว่า รฟท. คนใหม่ สร.รฟท. ต้องการเห็นคนที่เติบโตจากภายในองค์กรเข้ามาบริหาร ส่วนจะเป็นใครนั้นก็เป็นความสามารถของแต่ละคนในการแสดงวิสัยทัศน์ นโยบายและแผนงานต่อคณะกรรมการคัดสรร ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน “คนใน” ยิ่งมีความสำคัญ เพราะเป็นยุคของการเปลี่ยนผ่านจากความผิดพลาดทางนโยบายของรัฐในการขนส่งที่เน้นทางถนนมากว่า 5 ทศวรรษ จนก่อให้เกิดปัญหาความแออัดด้านจราจรสูญเสียพลังงาน ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมหันกลับมาสู่ “ระบบรางและการขนส่งทางราง” อีกครั้ง หมายถึงความต้องการคนที่เข้าใจระบบงาน ระบบคนและกลไกในการบริหารจัดการองค์กรแบบมืออาชีพที่รู้ลึก รู้จริง ทั้งเรื่องเทคนิคและการบริหารจัดการในโลก ยุคใหม่และเข้าใจมวลชน เข้าใจคนทำงาน เข้าใจในเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน การบริหารยุคใหม่จึงต้องเป็นแบบ “รวมศูนย์ รับฟัง แล้วสั่งการ” มิใช่เป็น “ศิลปินเดี่ยว” คิดเองเออเอง ฟังคนของคนรอบข้างประเภท “ดีครับนาย ได้ครับผม เหมาะสมแล้วครับท่าน” จะทำให้องค์กรพัง “ผู้นำองค์กรจำเป็นต้องได้คนรู้จริง เข้าใจในการบริหารงาน บริหารบุคลากรเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรเป็นอย่างดีและสามารถทำงานได้ทันที มีการสนับสนุนจากภายใน สร.รฟท. ยืนยันในหลักการเดิมต้องการคนที่เติบโตจากภายในของ รฟท.เข้ามาเป็นผู้ว่าการรถไฟคนใหม่ ซึ่งมีผู้สมัคร 2 คน และมิได้เจตนากีดกันบุคคลภายนอก ซึ่งแต่ละคนมีความรู้มีความสามารถของตนในแต่ละด้าน รฟท.เป็นองค์ใหญ่มีความเกี่ยวโยงสัมพันธ์กับหน่วยงาน สังคม ชุมชน มากมายทั่วประเทศ หากได้คนนอกเข้ามาเป็นผู้ว่าการฯ กว่าจะเรียนรู้เข้าใจงานที่มีเทคนิคเฉพาะหลายด้านทั้งโครงสร้างพื้นฐานระบบทางและราง ระบบอาณัติสัญญาณ ล้อเลื่อน การบริการโดยสารและสินค้า กว่าจะเข้าใจงาน เข้าใจคน เข้าใจวัฒนธรรมองค์กรก็ต้องใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้และสถานการณ์เร่งด่วนคือโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ที่จะเปิดให้บริการประมาณปี 2564 การก่อสร้างระบบรถไฟทางคู่จะแล้วเสร็จในปี 2565 โครงการรถไฟความเร็วสูงและการปรับปรุงพัฒนาองค์กรในด้าน ต่างๆ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องการคนที่เข้าใจและรู้จริงคือคนในเข้ามาเป็นผู้นำสูงสุดเพื่องานต่างๆตามนโยบายของรัฐบาลให้ความสำคัญสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟ แห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุผลและข้อเสนอจะได้รับการพิจารณาจากประธานคณะกรรมการ รถไฟฯและคณะกรรมการสรรหา “สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)” มี 42 สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจเป็นสมาชิกและ สร.รฟท.พร้อมและยืนยันให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ทุกด้านในการจัดการบริหาร รฟท. เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง” นายรังสี ฯ กล่าว