พาณิชย์ติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนาระบาดจีนอย่างใกล้ชิด คาดกระทบระยะสั้น แต่ไม่กระทบการส่งออกรวมไปจีนทั้งปี 63 น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)เปิดเผยว่า สนค.ได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศจีนอย่างใกล้ชิด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทั่วโลกมีความกังวลว่าในระยะสั้นจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและโลก แต่รัฐบาลจีนมีการดำเนินการอย่างรวดเร็ว เป็นรูปธรรม และมีความชัดเจนที่ต้องการคุมสถานการณ์ให้ได้รวดเร็วมากที่สุด ขณะเดียวกันจีนมีประสบการณ์ในการรับมือกับการแพร่ระบาดจากไวรัสซาร์ส ที่เกิดขึ้นในปี 2545 ปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้รัฐบาลจีนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และคาดว่ารัฐบาลจีนจะมีการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมาหลังจากนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และรักษาโมเมนตัมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากได้รับปัจจัยบวกจากการลงนามข้อตกลงทางการค้าระยะแรกระหว่างจีนและสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.63 สำหรับมณฑลหูเป่ยมีประชากรจำนวน 60 ล้านคน มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันที่ 7 ของจีน สัดส่วน GDP ประมาณร้อยละ 4.3 โดย 3 มณฑลที่มีเศรษฐกิจใหญ่สุดของจีนได้แก่ กวางตุ้ง (ร้อยละ 10.7),เจียงซู (ร้อยละ 10.25)และซานตง (ร้อยละ 7.3) ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกของไทยไปมณฑลหูเป่ยยังมีมูลค่าค่อนข้างน้อย ต่ำกว่าร้อยละ 1.0 ของการส่งออกทั้งหมดไปจีน โดย 3 เมืองส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ กวางตุ้ง (ร้อยละ 28.0),เซี่ยงไฮ้ (ร้อยละ 26.0) และซานตง (ร้อยละ 14.0)ตามลำดับ ด้านการส่งออกจากไทยไปจีนในปี 2562 มีมูลค่า 29,172 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.78 เนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้า อย่างไรก็ตามในปี 2563 สนค.คาดว่าการส่งออกไปจีนจะกลับมาขยายตัวหลังจากการส่งออกครึ่งปีหลังมีสัญณาญฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในเดือนธ.ค.62 ที่การส่งออกไปจีนขยายตัวร้อยละ 7.3 สูงสุดในรอบ 18 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่จะขับเคลื่อนการส่งออกไปจีนในปี 2563 เช่น ผลไม้สดแช่แข็ง และผลไม้แห้ง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เครื่องสำอาง รถยนต์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น ทั้งนี้ด้านการค้ากับจีนยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ โดยจีนเป็นตลาดหลักสำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยเช่น ยางพารา มันสำปะหลัง ผลไม้สดแช่แข็งและแห้ง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์และมาตรการของจีนรวมทั้งประเทศในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันและบรรเทาไม่ให้สถานการณ์ส่งผลกระทบเสียหายต่อการส่งออกไทย และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากข้อมูลของไวรัสโคโรนายังมีจำกัด แต่คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในระยะสั้น และไม่กระทบต่อการส่งออกไปจีนอย่างมีนัยสำคัญ "ในปี 2563 กระทรวงพาณิชย์ได้วางแผนในการทำตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเข้าร่วมงานแสดงสินค้า SMEs นานาชาติ(China International SME Fair: CISMEF)ในเมืองกว่างโจว (มิถุนายน 2563)และงานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (China-ASEAN Expo) ในเมืองหนานหนิง (กันยายน 2563) ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากปัจจัยต่างๆที่อาจส่งผลให้การส่งออกไปจีนชะลอตัวและจะเร่งกระตุ้นการส่งออกสินค้าศักยภาพของไทยที่ขยายตัวสูงในตลาดจีน เน้นทั้งเมืองใหญ่และการเจาะตลาดลึกในรายมณฑลเป็นต้น"