สธ.ผวา! “ไวรัสโคโรนา” โผล่หลังผ่านด่านสแกน เจาะกลุ่มเสี่ยงแท็กซี่

ยืนยันผู้ป่วยพบเชื้อยังคงอยู่ที่ 8 ราย ย้ำดับเบิ้ลเช็ก ป้องตื่นตระหนก-รักษาภาพลักษณ์ประเทศ จับมือ คมนาคม-ก.ท่องเที่ยวฯ เฝ้าระวังสุขภาพคนขับถือเป็นกลุ่มเสี่ยง ทั้งให้ช่วยสอดส่องผู้มีอาการน่าสงสัยแจ้งข้อมูลหน่วยงานรัฐ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึง สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่น ในประเทศไทย ขณะนี้มี 8 ราย ส่วนบุคคลต้องเฝ้าติดตามอาการป่วยที่อยู่ภายใต้การสอบสวนโรคมีเกือบ 100 ราย ในจำนวนดังกล่าวมากกว่า 45 ราย พบว่าไม่ได้มีอาการของโรคไวรัสโคโรนา ซึ่งเป็นการดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.63 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาการของโรคไวรัสโคโรนา 5 ใน 8 ราย ตอนนี้หายดี และกลับบ้านแล้ว ส่วนที่เฝ้าติดตามอาการไม่ได้หมายความว่า จะเป็นผู้ป่วย ยืนยันผลบวก ซึ่งแต่ละรายจะต้องอาศัยการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการ รวมถึงการตรวจทางคลินิกเพื่อดูอาการ และการเรียบเรียงข้อมูลทางระบาดวิทยา ก่อนที่จะนำทั้ง 3 ส่วน มาประมวลผลเข้าด้วยกัน เพื่อยืนยันตัวผู้ป่วยที่เป็นโรคอย่างแท้จริง การจะยืนยันนั้นจะต้องอาศัย ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานมากกว่า 2 แห่ง ซึ่งหมายถึง แม้ผลในห้องปฏิบัติการห้องแรกออกผลมาว่าเป็นบวก ก็ยังคงไม่สามารถยืนยันว่าเป็นผู้ป่วยได้ และทางกระทรวงสาธารณสุขก็จะไม่แถลงจำนวนผู้ป่วยจนกว่าจะได้รับผลการยืนยันที่แน่นอน เพื่อป้องกันการตื่นตระหนก และภาพลักษณ์ของประเทศในด้านสุขภาพ สถานการณ์ขณะนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวมาจากนอกประเทศ แต่ที่น่าห่วงคือ การแสดงอาการป่วยหลังผ่านเครื่องสแกนเข้ามาแล้ว ดังนั้น จึงได้ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และบริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ตรวจสุขภาพผู้ขับขี่รถแท็กซี่ เพื่อให้ ผู้ขับแท็กซี่ ระวังตัว รวมทั้งช่วยตรวจตรา สอดส่อง ผู้มีอาการน่าสงสัยเพื่อแจ้งข้อมูลส่งต่อไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ปิดประเทศเพราะการท่องเที่ยวก็สำคัญ ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่ดำเนินการอย่างเข้มข้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย รวมถึงภาคประชาชน มั่นใจถ้าร่วมมือกันอย่างจริงจัง จะสามารถรับมือได้