ตร.ออกมาตรการลดฝุ่นมลภาวะ เริ่มแก้ตัวเองก่อน เปลี่ยนรถสายตรวจมาเป็นรถพลังงานไฟฟ้า พร้อมประสานกรมเจ้าท่าตรวจเรือตามแม่น้ำ
เมื่อเวลา 08.30น. วันที่ 27 มกราคม ที่โรงเรียนหอวัง เขตจตุจักร พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. กล่าวถึงมาตรการในการลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 พร้อมระบุสถิติการจับกุมว่า ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดการขับขี่รถยนต์ควันดำ มีสถิติการจับกุมรถควันดำมีค่าเกินมาตรฐานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 25 มกราคม 2563 ได้จับกุมไปแล้ว 9,033 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2562 จับกุม 7,000 กว่าราย ตลอดช่วงเดือนมกราคมนี้ตั้งแต่มีสถานการณ์ฝุ่นมลภาวะ ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางแผนในการตั้งจุดตรวจ ซึ่งทางกองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.)ได้จัดชุดปฏิบัติการออกตรวจ 17 จุด ทั่วทั้งกรุงเทพฯ ต่อมาวันที่ 23 มกราคมได้ร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก เพิ่มจุดตรวจขึ้นอีก 16 ชุด โดยมีตำรวจเข้าไปร่วมปฏิบัติการด้วย
ซึ่งเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา มาผลการจับกุมอีก 33 ราย ถือว่ามีการจับกุมเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ได้สั่งห้ามใช้รถชั่วคราว เฉลี่ยเดือนละ 30-40 คัน เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ร้อยละ 60 รถขนาดเล็กร้อยละ 40 นอกจากนี้สถิติการจับกุมปี 2561 จับกุมรถควันดำเกินค่ามาตรฐานจำนวน 130,000 คัน ส่วนปี 2562 มีจำนวน 140,000 คัน
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการต่างๆ เพื่อลดปริมาณของฝุ่นละออง มีดังนี้ 1.รณรงค์แจกหน้ากากอนามัย โดยพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.ได้ให้อั่งเปาประชาชนด้วยการแจกหน้ากากในช่วงตรุษจีนนี้ ซึ่งวันนี้ได้ลงพื้นที่แจกหน้ากากให้กับนักเรียนทั้ง 25 โรงเรียน เพื่อป้องกันตัวเองจากฝุ่นละออง 2.กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน(อคฝ.) ซึ่งมีรถฉีดน้ำแรงดันสูง จะระดมฉีดน้ำช่วงเวลา 03.00-04.00 น. ตามเส้นทางที่มีปริมาณ PM 2.5 เพิ่มสูงมากขึ้น 3.ใช้รถสายตรวจพลังงานไฟฟ้าจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยวันนี้จะมอบรถให้กับทั้ง 9 กองบังคับการ นำรถไปใช้ปฏิบัติงานเพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง 4.ร่วมมือกับโครงการผู้ก่อสร้างต่างๆ โดยทางรถไฟฟ้ามหานคร จะนำผู้รับเหมาก่อสร้างมาขอความร่วมมือในเรื่องการฉีดม่านน้ำ และนำตาข่ายพรางแสงเพื่อป้องกันดักฝุ่น รวมถึงการล้างล้อรถและรถต้องมีสิ่งปกคลุม และได้ประสานกับกรมเจ้าท่า เพื่อตรวจเรือที่อยู่ตามแม่น้ำเจ้าพระยาให้ระดับของควันอยู่ในระดับมาตรฐาน พร้อมตรวจรถราชการของตำรวจสายตรวจที่ใช้น้ำมันดีเซล เพื่อให้เป็นแบบอย่างว่าตำรวจได้คำนึงถึงสุขภาพของประชาชนให้ร่วมกันดูแลสภาพรถของตัวเองไม่ให้ก่อสร้างมลพิษตามเส้นทางต่างๆ
/////
เมื่อเวลา 08.30น. วันที่ 27 มกราคม ที่โรงเรียนหอวัง เขตจตุจักร พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. กล่าวถึงมาตรการในการลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 พร้อมระบุสถิติการจับกุมว่า ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดการขับขี่รถยนต์ควันดำ มีสถิติการจับกุมรถควันดำมีค่าเกินมาตรฐานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 25 มกราคม 2563 ได้จับกุมไปแล้ว 9,033 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2562 จับกุม 7,000 กว่าราย ตลอดช่วงเดือนมกราคมนี้ตั้งแต่มีสถานการณ์ฝุ่นมลภาวะ ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางแผนในการตั้งจุดตรวจ ซึ่งทางกองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.)ได้จัดชุดปฏิบัติการออกตรวจ 17 จุด ทั่วทั้งกรุงเทพฯ ต่อมาวันที่ 23 มกราคมได้ร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก เพิ่มจุดตรวจขึ้นอีก 16 ชุด โดยมีตำรวจเข้าไปร่วมปฏิบัติการด้วย
ซึ่งเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา มาผลการจับกุมอีก 33 ราย ถือว่ามีการจับกุมเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ได้สั่งห้ามใช้รถชั่วคราว เฉลี่ยเดือนละ 30-40 คัน เป็นรถบรรทุกขนาดใหญ่ร้อยละ 60 รถขนาดเล็กร้อยละ 40 นอกจากนี้สถิติการจับกุมปี 2561 จับกุมรถควันดำเกินค่ามาตรฐานจำนวน 130,000 คัน ส่วนปี 2562 มีจำนวน 140,000 คัน
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการต่างๆ เพื่อลดปริมาณของฝุ่นละออง มีดังนี้ 1.รณรงค์แจกหน้ากากอนามัย โดยพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.ได้ให้อั่งเปาประชาชนด้วยการแจกหน้ากากในช่วงตรุษจีนนี้ ซึ่งวันนี้ได้ลงพื้นที่แจกหน้ากากให้กับนักเรียนทั้ง 25 โรงเรียน เพื่อป้องกันตัวเองจากฝุ่นละออง 2.กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน(อคฝ.) ซึ่งมีรถฉีดน้ำแรงดันสูง จะระดมฉีดน้ำช่วงเวลา 03.00-04.00 น. ตามเส้นทางที่มีปริมาณ PM 2.5 เพิ่มสูงมากขึ้น 3.ใช้รถสายตรวจพลังงานไฟฟ้าจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยวันนี้จะมอบรถให้กับทั้ง 9 กองบังคับการ นำรถไปใช้ปฏิบัติงานเพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง 4.ร่วมมือกับโครงการผู้ก่อสร้างต่างๆ โดยทางรถไฟฟ้ามหานคร จะนำผู้รับเหมาก่อสร้างมาขอความร่วมมือในเรื่องการฉีดม่านน้ำ และนำตาข่ายพรางแสงเพื่อป้องกันดักฝุ่น รวมถึงการล้างล้อรถและรถต้องมีสิ่งปกคลุม และได้ประสานกับกรมเจ้าท่า เพื่อตรวจเรือที่อยู่ตามแม่น้ำเจ้าพระยาให้ระดับของควันอยู่ในระดับมาตรฐาน พร้อมตรวจรถราชการของตำรวจสายตรวจที่ใช้น้ำมันดีเซล เพื่อให้เป็นแบบอย่างว่าตำรวจได้คำนึงถึงสุขภาพของประชาชนให้ร่วมกันดูแลสภาพรถของตัวเองไม่ให้ก่อสร้างมลพิษตามเส้นทางต่างๆ
/////