วันที่ 22 ม.ค.63 รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พี่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานในการประชุม ทั้งนี้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐได้เสนอญัตติด่วน เรื่องการศึกษาแนวทางการแก้ไขและป้องกันปัญหาฝุ่นละออง ที่มีผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบปัญหาฝุ่นควันมาก และเชื่อว่าสภาผู้แทนราษฎรมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาฝุ่นควันอย่างจริงจัง จึงเสนอให้พิจารณาเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วน ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม.พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติด่วน เพื่อพิจารณาการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันที่เป็นพิษต่อประชาชนทั่วประเทศไทยหรือ PM 2.5 อย่างยั่งยืน เพื่อนำผลการศึกษาส่งต่อให้รัฐบาล และขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญมาพิจารณา ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เสนอให้พิจารณาญัตติอีก 11 ซึ่งเป็นเรื่องในทำนองเดียวกัน เพื่อพิจารณาพร้อมกัน นส.พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชน ที่เป็นปัญหากระทบทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย มีแนวโน้มขยายตัวเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ ซึ่งมาขะมาจากหลายสาเหตุ ทั้งการเผาในที่โล่ง เผาวัสดุการเกษตร ไฟป่า เป็นสาเหตุอันดับ 1 ประกอบกับได้รับผลกระทบจากการเผาจากต่างประเทศ การประกอบกิจการโรงโม่หินในบางจังหวัด รวมถึงกรุงเทพที่มีค่าฝุ่นละอองเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งเกิดจากยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล การเผาในพื้นที่โล่ง โรงงานอุตสาหกรรม การก่อสร้าง และสภาพอากาศ ซึ่งเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชน ขณะที่นายจิรายุ อภิปรายว่า ประชาชนมีสิทธิในอากาศที่ดี ซึ่งฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค พยายามระดมความคิดเพื่อหาแนวทางช่วยรัฐบาลแก้ปัญหา โดยนำอุปกรณ์หลายรูปแบบที่จำเป็นต้องใช้เพื่อป้องกันฝุ่นละออง มาแสดงให้ที่ประชุมเห็นถึงภาระที่ประชาชนต้องจ่าย และยกตัวอย่างอากาศถนนหน้าอาคารรัฐสภา 91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินกว่า 80 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าอันตราย และชี้ว่ารัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยยกตัวอย่างการแก้ปัญหาในประเทศจีน ซึ่งสามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่โทษประชาชน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร ต้องร่วมกันแก้ไข