“สมคิด”สั่งกรุงไทยศึกษาแนวทางออกมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้กลุ่มราชการร่วมกับออมสิน-สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐแห่งอื่นๆ ลดภาระการจ่ายหนี้ให้ข้าราชการ พร้อมมอบหมายให้กรุงไทยร่วมกับแบงก์ชาติให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ธนาคารกรุงไทยหารือกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยเฉพาะธนาคารออมสิน เพื่อหามาตรการการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ในกลุ่มข้าราชการ เพื่อช่วยลดภาระของข้าราชการลง ทั้งนี้ต้องการให้ออกมาตรการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของข้าราชการนั้น ถือเป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เคยฝากไว้ อย่างไรก็ตามยังมีความเข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวนี้จะเป็นภาระที่หนักมาก แต่อยากให้ธนาคารกรุงไทยและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐกลับไปพิจารณาว่าจะดำเนินการผ่อนปรนให้ได้หรือไม่ เนื่องจากข้าราชการเป็นลูกหนี้ของธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสิน ดังนั้นจึงต้องทำการศึกษาร่วมกันหลังจากที่ได้มอบโจทย์ให้แล้ว นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ธนาคารกรุงไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ร่วมกันให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)ด้วย เนื่องจากในช่วงที่เศรษฐกิจยังตึงตัวเช่นนี้ หากทั้ง 2 หน่วยงานสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ SMES ได้ นอกจากจะเป็นประโยชน์สำหรับตัวผู้ประกอบการ SMEs เองแล้วยังจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจอีกด้วย “ธนาคารกรุงไทยจะเป็นหลักที่ทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงดิจิตัลได้ดีขึ้น ขณะที่ภาครัฐมีแนวทางที่เชื่อมโยงเครือข่ายของทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน และที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามหาแนวทางการเชื่อมโยงเช่นนี้มาโดยตลอด แต่เมื่อได้มาเห็นระบบของธนาคารกรุงไทยในครั้งนี้แล้วจึงทำให้เชื่อได้ว่าจะสามารถใช้เครื่องมือของธนาคารกรุงไทยดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้ และสามารถใช้ธนาคารกรุงไทยเป็นตัวกลางดำเนินการเชื่อมโยงเครือข่ายของทุกหน่วยงานภาครัฐเข้าด้วยกัน เนื่องจากหลังการเชื่อมโยงระบบกันได้แล้วจะช่วยลดต้นทุนได้อีกมาก” นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทยกล่าวว่า ธนาคารจะหารือร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ข้าราชการอย่างเร่งด่วน ส่วนเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้า SMEs นั้น แม้กรรมการธนาคารกรุงไทยระบุว่าพร้อมจะนำกลับไปพิจารณา แต่อัตราดอกเบี้ยทั้ง MLR และ MRR ในปัจจุบันของธนาคารอยู่ในระดับที่ต่ำพอจะช่วยเหลือ SMEs ได้อยู่แล้ว ส่วนการเติบโตของสินเชื่อในปี 63 ขยายตัวได้เพียง 5-10% ตามภาวะการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจ โดยธนาคารคาดหมายถึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 63 จะอยู่ที่ 2.7-2.8% ส่วนการขยายตัวด้านสินเชื่อนั้นจะมาจากกลุ่มธุรกิจต่างๆภายในประเทศเช่น กลุ่มธุรกิจด้านการค้าปลีก กลุ่มค้าขายออนไลน์ กลุ่มเกษตรแปรรูป กลุ่มสุขภาพและกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตในรูปแบบห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น ขณะที่กลุ่มการลงทุนในภาคเอกชนยังคงชะลอตัว ด้านสัดส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จะยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันปี 62