นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวการเจรจาระหว่างแกนนำรัฐบาลกับแกนนำพรรคเพื่อไทยเพื่อตัดชื่อรัฐมนตรีบางรายออกจากญัตติขออภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลของฝ่ายค้านว่า คงเป็นเพียงขบวนการทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคเพื่อไทย และดิสเครดิตกระบวนการตรวจสอบของฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นการดีลไม่ให้มีการอภิปรายรัฐมนตรีบางคน หรือการไปแลกรับผลประโยชน์จากโครงการภาครัฐต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มักออกมาดิสเครดิตฝ่ายค้านในช่วงที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสมอ  นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า สิ่งที่ชัดเจนในการทำงานของฝ่ายค้านในปัจจุบัน คือการตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่คนใดคนหนึ่ง มีหลายคนร่วมกันรับผิดชอบ และมีการปรึกษาหารือ ไม่เฉพาะในพรรคเพื่อไทย ยังมีในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค ทุกพรรคมีสิทธิในการเห็นด้วยหรือคัดค้านกันด้วยเหตุผล ซึ่งวันนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ยังไม่ได้สรุปว่า จะอภิปรายใครหรือไม่อภิปรายใครบ้าง แต่ชัดเจนว่า 7 คนขึ้นไปแน่นอน และจะทราบชัดเจนในวันที่ 29 ม.ค.นี้ 63 ที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติฯว่าจะมีใครบ้าง  นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า หลังเกิดกระแสต่างๆ ก็ได้สื่อสารพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในระดับหัวหน้าพรรคโดยตลอด ทุกคนยังมั่นใจในพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคใหญ่ว่าจะคอยทำหน้าที่ประสานงานให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจฯครั้งนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านมีทั้งคนใหมที่มีวิสัยทัศน์ และคนเก่าที่มีเครดิต มีประสบการณ์ เข้าใจบริบทการอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ เป็นเวทีการสังหารทางการเมือง  สำหรับรัฐมนตรีที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงเกิดขบวนการดิสเครดิต ให้เกิดความหวาดระแวง แต่ไม่ทำให้มีปัญหาใดๆ เพราะในระดับหัวหน้าพรรคคุยกันอย่างเปิดเผยโปร่งใส และมีความหนักแน่นสามัคคีกันดี โดยจะเห็นได้ว่างูเห่าที่ออกมาก่อนหน้านี้ มีแต่งูตัวไม่ใหญ่ ประเภทงูเขียวหางไหม้ ไม่มีอนาคอนดาอะไร “ข่าวที่ออกมา หวังผลแต่ไม่เกิดผล ทุกคนมีประสบการณ์ รู้อยู่แล้วว่าจะมีอะไรอย่างนี้ จนเชื่อได้ว่าข่าวคงออกมาจากซีกรัฐบาล ที่ต้องถูกมองว่าเป็นจำเลยหลัก เพราะการทำให้ฝ่ายค้านเสียเครดิต ก็เท่ากับรัฐบาลผู้ที่จะถูกอภิปรายได้ประโยชน์ อีกทั้งในรัฐบาลเองก็ไม่มีความเป็นเอกภาพในตัวเอง ด้วยความที่พรรคร่วมรัฐบาลมีมากถึง 19 พรรค ต่างคนก็อยากมีบทบาท และประสงค์เข้าไปมีตำแหน่งหน้าที่ หรือบางคนบางกลุ่มก็อาจจะไม่สบายใจที่เห็นคนอื่นได้ตำแหน่งที่ตัวเองอยากได้ไป” นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า เท่าที่เราได้รับทราบ ตอนนี้หลายคนในรัฐบาลปากกล้าขาสั่น มีความพยายามที่จะเจาะล้วงข้อมูลว่า มีรัฐมนตรีคนใดจะถูกอภิปรายบ้าง และทุกคนก็พยายามเอาตัวรอด ไม่อยากให้โดนตัวเอง แต่การจะอภิปรายหรือไม่อภิปรายใคร ก็ไม่ได้ตัดสินตามอำเภอใจของใคร และมีหลักการในการพิจารณาว่ารัฐมนตรีมีวิสัยทัศน์ ความสามารถในการบริหารแผ่นดินให้เกิดประโยชน์กับประชาชนหรือไม่ หรือได้สร้างความเสียหายจากการบริหารราชการ ตลอดจนพฤติการณ์แสวงหา หรือเอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องในทางมิชอบ ซึ่งต้องพิจารณาพฤติกรรมการกระทำต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งก่อนหน้าและย้อนหลังด้วย