เกิดเหตุนักเรียนชั้น ม.3 และวัยรุ่นชาย-หญิง 3 คน ขับ จยย.กลับจากงานวันเกิดเพื่อนท่ามกลางความมืดพุ่งชนลวดสลิงปริศนาขึงขวางกลางถนน ทั้งบาดแขน เฉือนคอ และปากเหวะเย็บ 4 เข็ม เผยเกิดเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ยังจับคนทำไม่ได้ ผญบ.วอนผู้ก่อเหตุหยุดพฤติกรรมเพราะเป็นอันตรายผู้ใช้รถใช้ถนนอาจถึงชีวิต ทั้งเร่งรายงานอำเภอหามาตรการป้องกัน
(21 ม.ค.63) ผู้สื่อได้รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านดอนลอย หมู่ 5 ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ว่า มีนักเรียน และวัยรุ่นชาย – หญิงอายุ 15 – 16 ปี จำนวน 3 คน โดนลวดสลิงปริศนา 2 เส้น ยาวประมาณ 10 เมตร ที่มีผู้นำมาขึงขวางกลางถนน บาดแขนและเฉือนปากจนได้รับบาดเจ็บถูกหามส่งโรงพยาบาล ทั้งยังให้ข้อมูลว่าเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ จนสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านและผู้ที่ขับรถสัญจรผ่านไปมา เพราะยังไม่ทราบจุดประสงค์ของผู้ก่อเหตุ
จากนั้นผู้สื่อจึงได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านที่เกิดเหตุ พบว่า จุดที่เกิดเหตุเป็นถนนสองเลนเชื่อมต่อระหว่างบ้านดอนลอย ม.5 กับบ้านหนองฟักทอง ม.4 ต.โคกกลาง ระยะทางห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร ค่อนข้างเปลี่ยวสองฝั่งถนนเป็นทุ่งนา กลางคืนไม่มีไฟส่องทาง
เมื่อสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า ผู้ประสบเหตุชื่อ น้องหญิง (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เป็นลูกบ้านบ้านดอนลอย ถูกลวดสลิงบาดเข้าที่บริเวณปากฝั่งขวาฉีก ต้องเย็บถึง 4 เข็ม ลำคอมีบาดแผลเล็กน้อย อีกคนชื่อ นายทิม (นามสมมุติ) ปัจจุบันเป็นนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ลำปลายมาศ ถูกลวดบาดบริเวณแขนขวา ส่วน น.ส.มุก (นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเดียวกัน ไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะนั่งซ้อนท้าย
จากการสอบถามน้องหญิง ที่ถูกลวดสลิงเฉือนปากเหวะ เล่าว่า เมื่ออาทิตย์ที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปกินเลี้ยงงานวันเกิดของเพื่อนต่างหมู่บ้าน หลังจากเลิกประมาณตี 2 นายทิม และ น.ส.มุก ก็อาสามาส่งที่บ้าน โดยนายทิม เป็นคนขับส่วนตนเองนั่งข้างหน้า ในลักษณะเอาข้อศอกค้ำกับแฮนด์รถจักรยานยนต์ ส่วน น.ส.มุก นั่งซ้อนท้าย พอถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งค่อนข้างเปลี่ยวและมืดเพราะไม่มีไฟส่องสว่าง แล้วจู่ๆ ก็เหมือนมีวัตถุคล้ายเชือกเฉือนเข้าที่ปากจนมีเลือดไหล และนายทิม คนขับก็มีแผลที่แขน แต่โชคดีที่รถไม่ล้ม ด้วยความกลัวจึงรีบขับรถจักรยานยนต์ในหมู่บ้านดอนลอย เพื่อไปขอความช่วยเหลือจากกู้ภัยฯ ในหมู่บ้านให้พาส่งโรงพยาบาลลำปลายมาศ ก่อนที่กู้ภัยฯ จะกลับมาดูจุดเกิดเหตุถึงได้รู้ว่าพวกตนขับชนลวดสลิงที่มีคนนำมาขึงขวางกลางถนน หลังจากนั้นจึงได้พากันไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ลำปลายมาศ
ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนเองก็ยังไม่กล้าออกจากบ้านตอนกลางคืน และไม่กล้าขับรถผ่านเส้นทางดังกล่าวอีก ต้องเลี่ยงไปใช้อีกเส้นทางถึงแม้สภาพถนนจะไม่ค่อยดีก็ตาม เพราะยังรู้สึกผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนสาเหตุตนเองคิดว่าอาจจะเป็นวัยรุ่นที่คึกคะนอง หรืออาจจะเป็นคนที่ไม่ชอบวัยรุ่นขับรถเสียงดังจึงมาก่อเหตุดังกล่าวหรือไม่ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งจับกุมให้ได้โดยเร็วเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
ด้านนายชำนาญ โพธิ์นิ่มแดง ผู้ใหญ่บ้านหนองฟักทอง ม.4 ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ประมาณปลายปี 2562 ที่ผ่านมา ก็มีชาวบ้านในหมู่บ้านเคยเจอลวดสลิงขึงขวางกลางถนนในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 2 ครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นตอนกลางคืนแต่โชคดีที่คนขับขี่มองเห็นก่อน จึงยังไม่ขับชนและไม่มีใครบาดเจ็บ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นภัยกับชาวบ้านและผู้ใช้รถใช้ถนน ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น เพราะจะมีทั้งชาวบ้านที่ต้องขับรถจักรยานยนต์ออกไปค้าขายตอนเช้ามืด และกลับเข้ามาตอนกลางคืน เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มไหนและมีจุดประสงค์อะไร ก็อยากจะวิงวอนให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเพราะคนที่ประสบเหตุอาจจะเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องของคุณเองก็ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็ได้รายงานให้ทางอำเภอรับทราบ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว
(21 ม.ค.63) ผู้สื่อได้รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านดอนลอย หมู่ 5 ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ว่า มีนักเรียน และวัยรุ่นชาย – หญิงอายุ 15 – 16 ปี จำนวน 3 คน โดนลวดสลิงปริศนา 2 เส้น ยาวประมาณ 10 เมตร ที่มีผู้นำมาขึงขวางกลางถนน บาดแขนและเฉือนปากจนได้รับบาดเจ็บถูกหามส่งโรงพยาบาล ทั้งยังให้ข้อมูลว่าเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ จนสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านและผู้ที่ขับรถสัญจรผ่านไปมา เพราะยังไม่ทราบจุดประสงค์ของผู้ก่อเหตุ
จากนั้นผู้สื่อจึงได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านที่เกิดเหตุ พบว่า จุดที่เกิดเหตุเป็นถนนสองเลนเชื่อมต่อระหว่างบ้านดอนลอย ม.5 กับบ้านหนองฟักทอง ม.4 ต.โคกกลาง ระยะทางห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร ค่อนข้างเปลี่ยวสองฝั่งถนนเป็นทุ่งนา กลางคืนไม่มีไฟส่องทาง
เมื่อสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า ผู้ประสบเหตุชื่อ น้องหญิง (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เป็นลูกบ้านบ้านดอนลอย ถูกลวดสลิงบาดเข้าที่บริเวณปากฝั่งขวาฉีก ต้องเย็บถึง 4 เข็ม ลำคอมีบาดแผลเล็กน้อย อีกคนชื่อ นายทิม (นามสมมุติ) ปัจจุบันเป็นนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ลำปลายมาศ ถูกลวดบาดบริเวณแขนขวา ส่วน น.ส.มุก (นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเดียวกัน ไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะนั่งซ้อนท้าย
จากการสอบถามน้องหญิง ที่ถูกลวดสลิงเฉือนปากเหวะ เล่าว่า เมื่ออาทิตย์ที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปกินเลี้ยงงานวันเกิดของเพื่อนต่างหมู่บ้าน หลังจากเลิกประมาณตี 2 นายทิม และ น.ส.มุก ก็อาสามาส่งที่บ้าน โดยนายทิม เป็นคนขับส่วนตนเองนั่งข้างหน้า ในลักษณะเอาข้อศอกค้ำกับแฮนด์รถจักรยานยนต์ ส่วน น.ส.มุก นั่งซ้อนท้าย พอถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งค่อนข้างเปลี่ยวและมืดเพราะไม่มีไฟส่องสว่าง แล้วจู่ๆ ก็เหมือนมีวัตถุคล้ายเชือกเฉือนเข้าที่ปากจนมีเลือดไหล และนายทิม คนขับก็มีแผลที่แขน แต่โชคดีที่รถไม่ล้ม ด้วยความกลัวจึงรีบขับรถจักรยานยนต์ในหมู่บ้านดอนลอย เพื่อไปขอความช่วยเหลือจากกู้ภัยฯ ในหมู่บ้านให้พาส่งโรงพยาบาลลำปลายมาศ ก่อนที่กู้ภัยฯ จะกลับมาดูจุดเกิดเหตุถึงได้รู้ว่าพวกตนขับชนลวดสลิงที่มีคนนำมาขึงขวางกลางถนน หลังจากนั้นจึงได้พากันไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ลำปลายมาศ
ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนเองก็ยังไม่กล้าออกจากบ้านตอนกลางคืน และไม่กล้าขับรถผ่านเส้นทางดังกล่าวอีก ต้องเลี่ยงไปใช้อีกเส้นทางถึงแม้สภาพถนนจะไม่ค่อยดีก็ตาม เพราะยังรู้สึกผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนสาเหตุตนเองคิดว่าอาจจะเป็นวัยรุ่นที่คึกคะนอง หรืออาจจะเป็นคนที่ไม่ชอบวัยรุ่นขับรถเสียงดังจึงมาก่อเหตุดังกล่าวหรือไม่ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งจับกุมให้ได้โดยเร็วเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
ด้านนายชำนาญ โพธิ์นิ่มแดง ผู้ใหญ่บ้านหนองฟักทอง ม.4 ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ประมาณปลายปี 2562 ที่ผ่านมา ก็มีชาวบ้านในหมู่บ้านเคยเจอลวดสลิงขึงขวางกลางถนนในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 2 ครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นตอนกลางคืนแต่โชคดีที่คนขับขี่มองเห็นก่อน จึงยังไม่ขับชนและไม่มีใครบาดเจ็บ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นภัยกับชาวบ้านและผู้ใช้รถใช้ถนน ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น เพราะจะมีทั้งชาวบ้านที่ต้องขับรถจักรยานยนต์ออกไปค้าขายตอนเช้ามืด และกลับเข้ามาตอนกลางคืน เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มไหนและมีจุดประสงค์อะไร ก็อยากจะวิงวอนให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเพราะคนที่ประสบเหตุอาจจะเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องของคุณเองก็ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็ได้รายงานให้ทางอำเภอรับทราบ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว