วันที่ 20 ม.ค.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากการตรวจสอบเกี่ยวกับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 ของสภาผู้แทนราษฎรพบว่ามีส.ส.กดบัตรแทนกันในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 10 ม.ค.เวลาประมาณ 20.50น. ที่มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 จำนวน 3.2 ล้านล้านบาท พบว่ามีส.ส.เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน คือ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง เขต 2 พรรคภูมิใจไทย นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ในเวลาดังกล่าวพบว่านายฉลอง ได้เดินทางไปยังสนามบินหาดใหญ่ แต่กลับปรากฎชื่อนายฉลองร่วมเป็นองค์ประชุม และมีชื่อนายฉลองร่วมลงมติในร่างกฎหมายดังกล่าวมาตลอด ตั้งแต่มาตรา 39 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม ซี่งในวันที่ 10 ม.ค.มีการปิดประชุมในเวลา 1.07 น. ก่อนกลับมาเปิดประชุมสภาฯอีกครั้ง วันที่ 11 ม.ค. โดยพบว่าในเวลา 11.10น.ที่มีการลงมติมาตรา 40 ว่าด้วยงบประมาณสำหรับแผนงานบูรณาการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ปรากฎชื่อนายฉลองร่วมลงมติอีกด้วย นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับในเวลา17.34 น.-17.38 น. มีชื่อนายฉลองลงมติเห็นชอบในวาระที่ 3 และข้อสังเกตุของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ทั้งๆที่ในวันที่ 11 ม.ค.ซึ่งเป็นวันเด็กแห่งชาตินั้นได้มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายทางเฟซบุ๊กของเทศบาลตำบลอ่างทอง จังหวัดพัทลุงพร้อมกับระบุว่านายฉลองได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ จากนั้นในวันเดียวกันยังได้ไปเปิดทางวันเด็กแห่งชาติที่อบต.ชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุงอีกด้วย และที่สำคัญ นายฉลองเดินทางกลับกทม.จากสนามบินนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ในเวลา 11.55 น. ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่านายฉลองไม่ได้อยู่ที่สภาฯในวันดังกล่าว "อาจมีการอ้างว่าเป็นการเสียบบัตรทิ้งไว้ที่เครื่องลงคะแนน แต่อยากจะอธิบายว่าโดยปกติเมื่อสภาฯมีการปิดประชุม เจ้าหน้าที่ของสภาจะดึงบัตรออกในวันนั้นหรือไม่ก็ตอนเช้าก่อนประชุมเพื่อเคลียร์ระบบ ถ้าไม่เช่นนั้นจะเซ็ตระบบไม่ได้ จึงเป็นที่สงสัยว่าเมื่อมีการปิดประชุมไปแล้วและกลับมาประชุมอีกครั้งทำไมถึงมีชื่อนายฉลองมาโหวตในช่วงดังกล่าวได้" นายนิพิฏฐ์ กล่าว อดีตส.ส.พัทลุง กล่าวอีกว่า การลงมติงบประมาณตั้งแต่มาตรา 39 เป็นต้นไปย่อมไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีการเสียบบัตรแทนกัน แต่จะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯหรือไม่ เป็นหน้าที่ของส.ส.และเชื่อว่าการที่ออกมาตรวจสอบในเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด เรื่องนี้สภาต้องตรวจสอบต่อไปและหาทางที่จะไม่ให้กฎหมายฉบับนี้มีปัญหาเหมือนกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ3-4/2557 กรณีการออกพรบ.เงินกู้ 2ล้านล้านบาท “ผมตรวจสอบการทำงานของส.ส. กว่าท่านจะได้เข้ามามีการใช้เงินเยอะนะ แล้วเรื่องก็ยังค้างอยู่ที่กกต.ด้วย ที่ผมไปร้องว่ามีการซื้อเสียงเหลือเรื่องนี้เรื่องเดียว ขอฝากถึงกกต.ด้วยว่าท่านกลั่นกรองคนเข้าสภาอย่างไรให้มาทำหน้าที่อย่างนี้ในสภา แล้วจะกระทบต่อประเทศชาติ” นายนิพิฏฐ์ กล่าว เมื่อถามย้ำว่าการออกมาพูดเรื่องนี้จะไม่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ในการร่วมรัฐบาลหรือ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่าตนตรวจสอบเฉพาะหมายแล้วไม่พูดเลยก็ไม่ได้ ส่วนส.ส.คนอื่นเท่าที่รู้ก็มีแต่ไม่ตรวจสอบเพิ่มเติม และหากสภาจะเริ่มต้นดำเนินการตรวจสอบและเรียกตนไปให้ข้อมูลก็ยินดีให้ความร่วมมือ ยืนยันว่าเอกสารทั้งหมดที่นำมาแถลงเป็นเอกสารเปิดเผยทั้งหมด สื่อสามารถตรวจสอบได้ เมื่อถามว่าในฐานะเป็นนักกฎหมายมองว่าหากร่างพ.ร.บ.งบประมาณเป็นโมฆะจะส่งผลอย่างไรบ้าง นายนิพิฏฐ์กล่าวว่าความเห้นของตนอาจจะไม่ตรงกับนายวิษณู เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีก็ได้ ต้องไปถามท่าน แต่ส่วนตัวเห็นว่าต้องทำให้ไม่เป็นโมฆะ โดยต้องกลับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวินิจฉัยว่ากระบวนการร่างกฎหมายเงินกู้ 2ล้านล้านบาทเป็นโมฆะ แต่เรื่องงบต้องทำให้ข้อเท็จจริงต่างจากเรื่องเงินกู้ ตนคิดอย่างนี้แต่ไม่อยากจะพูดเพราะอาจจะขัดแย้งกับนักกฎหมายคนอื่นคือต้องทำให้ชอบ ถ้าทำอย่างนี้ก็ต้องมีปัญหา ต่อข้อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าฝ่ายค้านจะหยิบกยกเรื่องนี้ไปโจมตีได้ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นแค่ทำหน้าที่เท่านั้น ส่วนใครจะเอาไปเป็นประโยชน์ก็เป็ฌนเรื่องที่ว่ากันต่อไป ซึ่งตนในฐานะนักกฎหมายมองว่าเรื่องนี้มีทางออก2-3 ทางที่สามารถทำได้ แต่พรรคภูมิใจไทยต้องให้ความร่วมมือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการเสร็จสิ้นการแถลงข่าวของนายนิพิฏฐ์ ปรากฎว่านายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ลงมาพบกับนายนิพิฏฐ์ พร้อมกล่าวชื่นชมว่านายนิพิฏฐ์กัดไม่ปล่อย และยอมรับว่านายฉลองอาจไม่รอบครอบ