เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล เมื่อรัฐบาลบอกประชาชนอย่าตื่นเรื่องฝุ่น เพราะสถานการณ์ดีขึ้น ทั้งนี้ แพทย์หลายท่านที่ออกมาให้เห็นในเรื่องนี้ ซึ่งนพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก หมอบรรจบ (แพทย์ทางเลือก) ระบุ  “เมื่อวันที่ 18 มค. 63 โฆษกรัฐบาลขอประชาชนอย่าตื่นตระหนกฝุ่น PM2.5 สถานการณ์ขณะนี้ดี เมื่อเทียบกับ พย.62 คำถามที่ตามมาคือ เวลานี้เราตื่นตระหนกกันไปเองหรือเปล่า? คำตอบคือ ป่วยแน่ และตายแน่ ถ้าไม่แก้ ไม่กัน การศึกษาในมหาวิทยาลัยเซาเปาโล พบว่าการใช้ชีวิตในเมืองท่ามกลางมลภาวะอากาศเพิ่มอัตราการเกิดโรคหัวใจเฉียบพลันมากขึ้น 75% เทียบกับเมืองที่มีอากาศสะอาด PM 2.5 ก่อโรคให้ป่วยจริงและตายจริง การทบทวนอย่างเป็นระบบและวิเคราะห์อภิมานของงานวิจัยจำนวนมาก บ่งชี้ถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากการรับสัมผัสทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น:  -เพิ่มอัตราการตายด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจ การสั้นลงของชีวิต  -การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดและน้ำตาลสะสม  -ภาวะไขมันเลือดผิดปกติ  -โรคผิวหนังผื่นแพ้ และความเสื่อมชราของผิว กระตุ้นการกำเริบของ  -โรค systemic lupus erythematosus (SLE), ข้ออักเสบรูมาตอยด์, โรคปลอกประสาทอักเสบชนิด multiple sclerosis  -เพิ่มอัตราป่วยและตายด้วยโรคมะเร็งปอดและมะเร็งชนิดอื่น  -เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน  -ไขมันพอกตับและตับอักเสบ  มลภาวะในอากาศ และ ฝุ่นละอองชนิดละเอียด มีกลไกก่อเกิดโรคโดยการเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ เกิดกระบวนการอักเสบด้วยความไม่สมดุลของไซโตไคน์ เกิดความเป็นพิษต่อยีนส์ซึ่งทำให้เกิดมะเร็งในร่างกาย ก่อสารพิษโฮโมซีสเทอีน งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร Epidemiology มีค.2010 พบว่า PM 2.5 และฝุ่นคาร์บอนสัมพันธ์กับการเพิ่มระดับ homocysteine ในเลือดด้วยการก่อให้เกิดความเคร่งกระบวนเผาไหม้สูงขึ้น (oxidative stress) กว่าจะรอกระบวนการแก้ไขของภาครัฐ สิ่งที่ภาคประชาชนช่วยกันทำได้ คือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กระบวนการรักษาด้วยการแพทย์ทางเลือก ได้แก่ธรรมชาติบำบัดและโฮมีโอพาธีย์ดังนี้: 1)เน้นการบริโภคอาหารที่มีสารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูงและต้านการอักเสบ ผัก เครื่องเทศกลุ่มหอม กระเทียม ขมิ้น กินไขมันดี (healthy fat) ปั่นบรอกโคลีกินวันละ 1 ถ้วยตวง/คน/วัน  2)เร่งกระบวนการล้างสารพิษออกจากร่างกาย การอดล้างพิษ 1 วันด้วยผลไม้ชนิดเดียวที่ไม่หวานตลอดวัน สัปดาห์ละครั้ง ช่วยตับเคลียร์สารพิษได้  3)ถ้าต้องการที่สำเร็จรูป ชง Mucil และ Livix กินเช้าซอง เย็นซอง Mucil จะถูกเปลี่ยนเป็น glutathione ช่วยขจัดอักเสบตั้งแต่ในทางเดินหายใจ จนถึงช่วยตับทำงาน ส่วน Livix เป็นสารสกัดบรอกโคลีมีสาร sulforaphace ช่วยตับขจัดพิษใน phase 2 งานวิจัยของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ในจีนเมื่อปี 2014 พบว่าการกินน้ำบร็อกโคลีสามารถเพิ่มอัตราการขับสารพิษออกทางปัสสาวะ ขับสารก่อมะเร็งเพิ่มขึ้น 61% และขับสารระคายเคืองเพิ่มขึ้น 23% สารนี้ไม่ทนความร้อน การกินสุกจึงไม่มีประสิทธิภาพ อยากให้มีการทำบรอกโคลีสำเร็จรูปออกมาอีกหลายๆยี่ห้อ 4)ตรวจเลือดดูระดับสาร homocysteine ในเลือด ต้องไม่เกิน 15 มค.โมล/ลิตร จึงปลอดภัย 5)การบริหารจิตไม่ตื่นตระหนกและไม่เครียด ตามโฆษกรัฐบาลว่า จะลดอัตราเผาผลาญและลดการอักเสบ และเสริมการสมานคืนของร่างกาย 6)ใช้สารโฮมีโอพาธีย์ทั้งเพื่อการป้องกันและรักษาอาการเจ็บป่วย” ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก จส.100