ไฟเขียวให้เข้าถึงระบบบริการเลิกบุหรี่แบบครบวงจร”Varenicline” ระบุผู้ประกันตนที่ติดบุหรี่มีเกือบ 3 ล้านราย และอยู่ในวัยแรงงานเป็นกำลังสำคัญของชาติ โดยมี 3 เกณฑ์คัดกรองในคลินิกเลิกบุหรี่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดก.สาธารณสุข กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ (คผยช.) ครั้งที่ 1/2563 ประชุมได้มีมติเห็นชอบ ของขวัญปีใหม่คนไทยสุขภาพดี “สนับสนุนการเข้าถึงระบบบริการเลิกบุหรี่แบบครบวงจรสำหรับผู้ประกันตน” โดยให้กรมควบคุมโรค ประสานกับสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ส่งเสริมการเข้าถึงระบบบริการเลิกบุหรี่แบบครบวงจรสำหรับ ผู้ประกันตน ด้วยยา Varenicline ช่วยเลิกบุหรี่ มีประสิทธิภาพสูงสุด มีผลข้างเคียงน้อยมาก เพื่อเพิ่มโอกาสเลิกบุหรี่สำเร็จได้มากขึ้น และมอบให้สำนักปลัดก.สาธารณสุข พัฒนาให้สถานพยาบาลในสังกัดที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานประกันสังคมจัดตั้งคลินิกเลิกบุหรี่แบบครบวงจร นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่เป็นผู้สูบบุหรี่มีมากกว่า 2.9 ล้านราย โดยผู้สูบบุหรี่ที่ต้องการเลิก หรือเคยพยายามเลิกสูบแล้วมีมากถึงประมาณ 1.8 ล้านราย หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของผู้สูบบุหรี่ทั้งหมดในประเทศ ซึ่งกลุ่มวัยแรงงาน วัยทำงานในระบบประกันสังคมถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่โอกาสในการเข้าถึงระบบบริการเลิกบุหรี่ยังน้อย มีการพัฒนาระบบบริการเลิกบุหรี่แบบครบวงจร จะทำให้ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ในไทย ลดอัตราเจ็บป่วยจากโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ของวัยแรงงาน ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า รูปแบบการสนับสนุนการเข้าถึงบริการการเลิกบุหรี่แบบครบวงจรสำหรับผู้ประกันตนที่เข้าร่วมโครงการ มีเกณฑ์ดังนี้ 1.เป็นผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคเบาหวานระยะที่ต้องพึ่งยา โรคความดันโลหิตสูง 2.มีความตั้งใจที่จะเลิกยาสูบ 3.ได้รับการประเมินว่าติดหนัก คือสูบบุหรี่อย่างน้อย 20 มวน/วัน หรือสูบมวนแรกภายใน 30 นาทีหลังตื่นนอน โดยจะคัดกรองผู้ประกันตนที่มาใช้บริการในคลินิกเลิกบุหรี่ หากเข้าเกณฑ์จะได้รับยาช่วยเลิกบุหรี่ Varenicline โดยจะมีการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ทั้งนี้ ข้อมูลจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ปี 2560 คนไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ 72,656 ราย ทำให้เกิดความสูญเสียจากเศรษฐกิจ อาทิ ค่ารักษาพยาบาล 77,626 ล้านบาท ค่าขาดรายได้จากการเจ็บป่วย 11,762 ล้านบาท ค่าความสูญเสียจากการตายก่อนวัยฯ 131,073 ล้าน รวมทั้งหมดปีละ 220,461 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 20,565 บาท ต่อผู้สูบบุหรี่ 1 คนต่อปี