กฟผ.ร่วมลดฝุ่น PM 2.5 ออก 5 มาตรการเพื่อเร่งช่วยเหลือและรณรงค์ป้องกันภัยจากฝุ่นแก่ประชาชนและชุมชนโดยรอบพื้นที่ กฟผ. และพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ฝุ่นของประเทศ นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)เปิดเผยว่า ตามที่หลายพื้นที่ของประเทศไทยกำลังเผชิญกับสภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศสะสมเกินค่ามาตรฐาน จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยมีสาเหตุมาจากไอเสียที่ปล่อยออกมาจากยานพาหนะ การเผาในที่โล่ง การใช้ฟืนถ่านในการหุงต้ม ควันธูป รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่มีระบบควบคุมมลพิษ นั้น กฟผ.ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและมีมาตรการให้กับโรงไฟฟ้าและเขื่อนของ กฟผ.ทั่วประเทศดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาฝุ่นให้กับชุมชนโดยรอบพื้นที่ กฟผ.และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองของประเทศไทย ทั้งนี้ กฟผ.คำนึงถึงหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเกิด PM 2.5 คือ การเผาไหม้ ดังนั้น กฟผ.จึงได้ออกมาตรการป้องกันดังนี้ 1.รณรงค์ประชาชนรอบเขื่อนและโรงไฟฟ้า ห้ามจุดไฟเผาป่าและวัชพืช 2.กฟผ.ร่วมกับชุมชนจัดตั้งทีมเฝ้าระวังไฟป่า เพื่อร่วมกันทำแนวกันไฟป่าและจัดทีมดับไฟป่าเพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจดับไฟป่า ให้สงบลงได้อย่างรวดเร็ว 3.จัดโครงการสร้างฝายชะลอน้ำรอบพื้นที่เขื่อนของ กฟผ. เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผืนป่าและลดโอกาสของการเกิดไฟป่า นอกจากนี้เพื่อช่วยลดและบรรเทาปัญหาการฟุ้งกระจายของฝุ่น PM 2.5 ในบริเวณสำนักงานใหญ่ กฟผ. จ.นนทบุรี และพื้นที่ชุมชนโดยรอบอย่างเร่งด่วน กฟผ.จึงได้ออกมาตรการเปิดระบบพ่นละอองไอน้ำบนยอดตึก 20 ชั้นของ กฟผ.ซึ่งระบบดังกล่าวมีลักษณะเป็นหัวฉีดพ่นละอองไอน้ำจำนวนประมาณ 1,000 หัวและใช้น้ำประปาที่ผ่านเครื่องกรองมาฉีดพ่น โดยเปิดทำงานวันละ 3 ช่วงเวลา ช่วงละ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งจะเปิดระบบอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์ฝุ่นจะคลี่คลาย รวมทั้งยังได้ติดตั้งรถตรวจวัดคุณภาพอากาศ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้ง กฟผ.ยังได้ออกมาตรการรณรงค์เพื่อให้ประชาชนรู้จักป้องกันตนเองจากภัยฝุ่น โดยเตรียมแจกหน้ากากป้องกันฝุ่นให้กับชุมชนโดยรอบพื้นที่สำนักงานใหญ่ กฟผ.และพนักงาน วิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยไม่เพียงเท่านั้น กฟผ.ยังเล็งเห็นถึงแนวทางเพื่อการลดปัญหาฝุ่นในระยะยาว จึงมีมาตรการมุ่งมั่นส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล รวมถึงลดการปล่อยมลพิษทางอากาศและ PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยปัจจุบัน กฟผ.มีรถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง (รถ EV) รถมินิบัสไฟฟ้าสำหรับใช้รับส่งพนักงาน กฟผ. และประชาชนที่มาศึกษาดูงานในพื้นที่สำนักงาน โรงไฟฟ้า เขื่อน และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. พร้อมติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า จำนวนทั้งสิ้น 23 สถานี รวมถึงพัฒนารถโดยสารประจำทางใช้แล้วของ ขสมก.ให้เป็นรถไฟฟ้าต้นแบบ และยังได้ขยายผลไปสู่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสาเหตุหลักของการเกิดฝุ่น PM 2.5 จะไม่ได้มาจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าและโรงไฟฟ้า เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีในการผลิตกระแสไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งยังมีการติดตั้งระบบดักจับฝุ่นด้วยไฟฟ้าสถิต(ESP)และระบบกำจัดมลสารอื่นๆ แต่โรงไฟฟ้าของ กฟผ.ทั่วประเทศยังคงควบคุมดูแลการปลดปล่อยมลสารของโรงไฟฟ้า กฟผ.ให้อยู่ในระดับมาตรฐานของประเทศไทยและตรวจวัดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จากผลการตรวจวัดบริเวณปล่องโรงไฟฟ้าของ กฟผ.ทุกครั้งพบว่า มีค่าที่ดีกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ โดยประชาชนสามารถติดตามและตรวจสอบได้จากป้ายแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและเว็บไซต์ของโรงไฟฟ้า กฟผ.ในพื้นที่ “กฟผ.พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ กฟผ.เตรียมออกกิจกรรมรณรงค์ประชาชน เพื่อร่วมลดฝุ่นในเร็วๆนี้ต่อไป”