ธนาคารโลกมองเศรษฐกิจปี 63 ขยายตัว 2.7% หลังเผชิญปัจจัยลบต่อเนื่องทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะการเมืองหลายพรรคเกินไปไร้เสถียรภาพ แนะรัฐบาลเร่งใช้นโยบายทางการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดกฎระเบียบ พร้อมเปิดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยตรงในไทยมากขึ้น นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจไทยปี 2562 ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวลดลงเหลือ 2.5% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 4.1% เนื่องจากปัจจัยกระทบทั้งภายในและภายนอกประเทศ อาทิ การส่งออก และการบริโภคภายในประเทศ รวมทั้งการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น 8.9% ซึ่งแข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี โดยปี 2563 ไทยยังเผชิญความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และความเสี่ยงระยะสั้นจากความสมานฉันท์ของรัฐบาลร่วมหลายพรรคการเมืองที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่ยังมีปัจจัยบวกจากการบริโภคของภาคเอกชนที่จะฟื้นตัวจากการลงทุนเพิ่มขึ้นในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยอยู่ที่ 2.7% พร้อมมองว่าไทยควรเร่งใช้นโยบายทางการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจโลกปี 2562 คาดจะชะลอการขยายตัวลงอยู่ที่ 2.4% และฟื้นตัวเล็กน้อยอยู่ที่ 2.5% ในปี 2563 จากการเผชิญความเสี่ยงการชะลอตัวของการค้าโลกที่อาจกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง รวมถึงความยุ่งยากทางการเงินในประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา อย่างไรก็ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงข้อจำกัดด้านโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว รวมถึงการลงทุนที่ชะลอตัวและผลิตภาพที่เติบโตในระดับต่ำเหลือเพียง 1.3% ในช่วงปี 2553-2559 จากเดิมเคยอยู่ที่ 3.6% ในช่วงปี 2542-2550 โดยการลงทุนของเอกชนลดลงกว่าครึ่งจาก 30% ของจีดีพีในปี 2540 มาอยู่ที่ 15% ในปี 2561 จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศชะลอตัว และการลงทุนของโครงการต่างๆภายใต้การโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซีที่ยังคงที่ ทั้งนี้ไทยต้องเร่งเพิ่มผลิตภาพ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการผลิต และเปิดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยตรงมากขึ้น รวมถึงการลดกฎระเบียบที่เข้มงวดโดยเฉพาะภาคบริการ การปรับปรุงทักษะแรงงาน และสร้างทุนมนุษย์ที่จำเป็นสำหรับเศรษฐกิจฐานความรู้ที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม