พังงานักท่องเที่ยวชาวไทยต่างชาติตื่นตา พบฝูงวาฬเพชรฆาตดำ บริเวณเกาะไข่ จำนวน 30-40 ตัว ขึ้นมาว่ายเล่นใกล้ ๆ กับเรือหางยาว ทำให้นักท่องเที่ยว ได้ร่วมเก็บภาพความประทับใจด้านนักวิชาการแนะนักท่องเที่ยวเมื่อพบ วาฬ หรือ โลมาไม่ควรให้อาหารแก่สัตว์ในธรรมชาติโดยเด็ดขาด ไม่จับ-สัมผัส สัตว์ป่า ท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์เพื่อความยั่งยืน วันที่ 1 เม.ย.60 นาย ณัฐพงษ์ จันทร์อินทร์ ผู้จัดการเรือนำเที่ยวคุระกรีนวิว ทัวร์ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่มีการพบเห็น วาฬเพชฌฆาตดำ หลายสิบตัว ของนักท่องเที่ยวขณะเดินทางไปชมความงามใต้ท้องทะเล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ และ วิถีชีวิตของชาวมอแกน ทำให้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจองทัวร์เพื่อเดินทางไปเที่ยวที่หมู่เกาะสุรินทร์ ในวันเสาร์อาทิตย์ นี้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และพบว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะนำกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ของ The moken Eco village เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา ขึ้นเรือหางยาว เดินทางไปชมความงามใต้ท้องทะเล บริเวณ เกาะไข่ อ.คุระบุรี จ.พังงา ซึ่งเป็นทางผ่านของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังหมู่เกาะสุรินทร์ ก็ได้พบกับฝูง โลมา หรือ วาฬ จำนวน 30-40 ตัว ขึ้นมาว่ายเล่นใกล้ ๆ กับเรือหางยาว ทำให้นักท่องเที่ยว ได้ร่วมเก็บภาพความประทับใจในระยะหนึ่ง ก่อนจะดำน้ำหายไป ด้าน ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หน.กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน แหลมพันวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า จากลักษณะพบว่าวาฬดังกล่าวเป็นวาฬเพชฌฆาตดำ (False killer whale) ซึ่งเป็นฝูงเดียวกับที่เจอ บริเวณหมู่เกาะสิมิลัน และ หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามการอพยพย้ายถิ่นของวาฬฝูงดังกล่าว ตั้งแต่ตอนใต้ของหมู่เกาะสิมิลัน ขึ้นเหนือมายังหมู่เกาะสุรินทร์ และ บริเวณเกาะไข่ จ.พังงา ในวันนี้ ซึ่งคาดว่า วาฬฝูงดังกล่าวจะย้ายถิ่นขึ้นไปเรื่อย ๆ สู่จังหวัดระนอง หรืออาจถึงประเทศพม่า ก่อนจะวนกลับลงมาทางใต้อีกครั้ง พร้อมแนะนักท่องเที่ยวเมื่อพบ วาฬ หรือ โลมา ว่าไม่ควรให้อาหารแก่สัตว์ในธรรมชาติโดยเด็ดขาด ไม่จับ-สัมผัส สัตว์ป่า ท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์เพื่อความยั่งยืน โดยมีข้อควรปฏิบัติในการชมวาฬ หรือ โลมา คือ ควรเดินเรือช้าๆ ความเร็วไม่เกิน 4 น๊อต ในรัศมี 50-150 เมตรจาก วาฬหรือ โลมา เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ พร้อมทั้งเดินเรือเข้าทางด้านข้างของตัววาฬ หรือ โลมาเท่านั้น ไม่เดินเรือตัดหน้าหรือตามหลัง วาฬ หรือ โลมา เพราะจะทำให้โลมาได้รับอันตรายและตกใจกลัว “ไม่ให้อาหารสัตว์ในธรรมชาติ” เนื่องจาก ทำให้สัตว์มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและนิเวศวิทยาของสัตว์ป่า สร้างพฤติกรรมเรียนรู้ผิดๆ ให้กับสัตว์ซึ่งนำไปสู่อุบัติเหตุจนเกิดการบาดเจ็บ หรืออาหารที่ให้อาจมีการปนเปื้อนทำให้สัตว์เกิดความเจ็บป่วยทรมานจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของนักท่องเที่ยว ไม่ควรจับ-สัมผัสหรือลงเล่นน้ำกับ วาฬ หรือ โลมา ในธรรมชาติ เพราะอาจเกิดอันตรายต่อคนหรือสัตว์ จนอาจทำให้บาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิต รวมทั้ง การติดเชื้อโรคที่ติดต่อจากคนสู่สัตว์หรือจากสัตว์สู่คนไม่ทิ้งขยะลงทะเล เพื่อไม่ให้เพิ่มมลพิษทางทะเล เพราะสัตว์ทะเลอาจกินเข้าไปเกิดอันตรายถึงชีวิตได้