วันที่ 17 ม.ค.2563 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า...ปาหี่การเมืองเรื่องประชาธิปัตย์ ผมเคยเขียนถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเจตนาดีว่า ช้าเร็วหากพรรคนี้ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้าสถานการณ์ จะมีแต่ตกต่ำลง หากมีการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็จะยิ่งได้เก้าอี้ลดน้อยถอยลงไปอีก ไม่ใช่ว่าเป็น “พรรคอนุรักษ์นิยม”แล้วต้องทำตัวเก่า ประชาธิปัตย์เก๋าในเกมการเมืองเสมอ แต่เวลาบริหาร ทั้งเรื่องภายในพรรค และบริหารประเทศ มักเผชิญกับการไม่กล้าตัดสินใจ ตามผู้ใหญ่ในพรรค ยึดเอาตัวบุคคลเป็นหลักเสียมาก จนบางครั้งเหมือนทำอะไรไม่เป็น ลอยไปลอยมา และยังคงทำแบบนี้มารุ่นต่อรุ่นตราบใดที่ผู้ใหญ่ไม่ไปไหน แล้วอย่างนี้จะเป็นพรรคสถาบันได้ยังไง? ทำทีร่ำลาจากกันด้วยดี คิดถึง แต่อีกคนบอกไล่หลังว่าไปได้ซะก็ดีแล้ว การเมืองภายในพรรคย่อมเป็นข้อดีที่มีความหลากหลายทางความคิด แต่การลงเรือลำเดียวกันแล้วแย่งกันพายไปคนละทิศคนละทาง ใครทนไม่ได้ ก็ไล่ลงท่าเรือหน้า หรือหากจะเป็นแผนแตกพรรคสาขา ทำทีมีใจให้กัน ก็ไม่ใช่ข้อดีของระบบพรรคการเมืองในยุคใหม่ การทยอยแยกตัวออก อาจเกิดจากการวางแผนเพื่อต่อสู้กับพรรคอนาคตใหม่ที่มีอุดมการณ์หอมหวลกว่า เย้ายวนต่อคนรุ่นใหม่มากกว่า ที่ถึงแม้พรรคประชาธิปัตย์จะใช้ความพยายามแสร้งทำเสียมากเท่าไหร่ ก็หนีไม่พ้นความจริงที่ว่า “ผู้ใหญ่ในพรรค ไม่เอาด้วย” เลยทำได้ไม่เต็มสูบ ยิ่งในระยะหลังๆ การปล่อยให้ผู้มีความเห็นต่างไหลออกไป การมองเห็นประโยชน์จากกลุ่มก๊วนภายในพรรค ที่ต่างได้ดิบได้ดี ทำให้ยิ่งเร่งอุณหภูมิให้การออกไปตั้งพรรคใหม่ หรือออกจากสมาชิกพรรคมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น อย่าไปแปลกใจที่บางคนอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์แท้ๆ แต่ทำตัวแปลกแยกไม่เชื่อฟังพรรคเสียเท่าไหร่ ไม่น่ารักเหมือนเดิม ใครคุมใครไม่ได้ วินัยพรรคลืมไปเถอะ เพราะมันใช้ต่อรองได้ตามประสาการเมืองแบบประชาธิปัตย์ ที่บางคนทำไม่เป็นก็ต้องโบกมือลา หากจะอยู่ประชาธิปัตย์ ต้องอยู่ให้เป็น เย็นให้พอ ต่อรองให้ได้