พบเด็กหญิงอายุ 7 ขวบ ฐานะครอบครัวยากจน ป่วยเป็นโรคเหงื่อเป็นเลือดเช่นเดียวกันน้องพิมพ์ที่มีข่าวอยู่ในขณะนี้ ผู้บริหาร ครู และอีกหลายหน่วยงานยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ล่าสุดโรงพยาบาลหนองคายได้ออกใบส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ในขณะที่แม่ของน้องพิมพ์ขอหยุดการเคลื่อนไหวทางเฟซบุ๊กและหยุดการรับบริจาคเนื่องจากมียอดเพียงพอแล้ว ในช่วงเช้าของวันนี้ (1 เมษายน 2560) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 5/1 หมู่ 7 บ้านโคกแมงเงา ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย หลังจากได้รับแจ้งว่ามีเด็กที่ป่วยเป็นโรคเหงื่อเป็นเลือดเช่นเดียวกับน้องพิมพ์ที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ซึ่งได้ไปพบกับนางสาวลลิตา วิเศษสุนทร อายุ 24 ปี แม่ของ ด.ญ.ผกามาศ แสงชัย หรือน้องเปรี้ยว อายุ 7 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านโคกแมงเงา ที่ป่วยเป็นโรคเหงื่อเป็นเลือด เช่นเดียวกับน้องพิมพ์ ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ นางสาวลลิตา วิเศษสุนทร แม่ของน้องเปรี้ยว เล่าให้ฟังว่า ช่วงแรก ๆ ในปลายเดือนธันวาคม 2559 ที่เป็นเลือดออกที่ขา จากนั้นก็ได้เปลี่ยนมาไหลออกที่ฝ่ามือ มาแขน และตาทั้ง 2 ข้าง ซึ่งที่ตานี้ออกเป็นระยะเวลานานกว่าจุดอื่น ที่ตายังไม่หายก็มาออกที่บริเวณขมับและหู เลือดที่ไหลออกมาจะไม่ข้น เหมือนเลือดปนกับเหงื่อ เริ่มแรกที่เป็นก็ได้พาไปรักการรักษาที่โรงพยาบาลหนองคาย 4 ครั้ง ๆ สุดท้ายให้นอกที่โรงพยาบาล 3 วันเพื่อหาสาเหตุก็ไม่ทราบสาเหตุ จากโรงพยาบาลหนองคาย ก็ได้ออกใบส่งตัวให้ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ โดยได้เดินทางไปรับการรักษาแล้ว 2 ครั้ง ๆ ต่อไปที่หมอนัดคือในวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 การเดินทางไปรับการรักษาก็ค่อนข้างลำบาก ครั้งแรกขอติดรถไปกับญาติแต่กลับกับรถโดยสาร ส่วนครั้งที่ 2 ไปรถไฟฟรี แม่ของน้องเปรี้ยว เล่าต่อไปอีกว่า หมอที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ บอกว่า สาเหตุที่ทำให้เลือดออก อาจจะเกิดจากความเครียดของเด็ก และแนะนำไม่ให้เล่นที่มีอากาศร้อน เวลามีเลือดไหลก็จะใช้ผ้าเช็ดออกจนกว่าจะหาย ซึ่งลูกจะบอกว่าไม่เจ็บแต่คัน ทางด้านนางสุภาพร พันเหลา ครูประจำวิชาภาษาอังกฤษ เล่าให้ฟังว่า ขณะที่ตนกำลังสอนอยู่ น้องเปรี้ยวก็นั่งเรียนเช่นเดียวกับเพื่อน ๆ ในชั้นปกติ สักพักได้แจ้งกับตนว่ามีเลือดออกที่ขา แต่ไม่มีแผลและไม่เจ็บ ตนก็ได้ให้ไปล้างออกแล้วเลือดก็หยุด ก่อนจะกลับมานั่งเรียนกับเพื่อน ๆ ต่อ ช่วงที่เป็นแรก ๆ เลือดออกไม่มาก แต่ก่อนจะปิดภาคเรียนเลือดออกบ่อยมาก ลักษณะของเลือดที่ออกเป็นจาง ๆ ไม่เหมือนเลือดที่ออกเวลามีแผล เวลาเลือดออกมาก ๆ ก็จะแจ้งผู้ปกครองให้ไปรับ หรือครูก็พามาส่งที่บ้าน ซึ่งบางครั้งเวลาเลือดออกน้องเปรี้ยวก็จะไปหลบอยู่ใต้โต๊ะ จนเพื่อน ๆ ต้องมาบอกครู บางครั้งไหลออกนานมาก จนต้องพากลับบ้าน เพื่อให้ผู้ปกครองรับทราบและพาไปรักษาที่โรงพยาบาลต่อ นายชูเชิด เจียมศร ผอ.โรงเรียนบ้านโคกแมงเงา บอกว่า ทางโรงเรียนได้ให้ความช่วยเหลือตามระบบการช่วยเหลือของโรงเรียน และได้แจ้งไปยังหน่วยงานต้นสังกัด คือที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1 เจ้าหน้าที่จากกลุ่มส่งเสริมการศึกษาได้เข้ามาดูแลช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยได้มอบทุนการศึกษา และมอบเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันให้ และได้รับเรื่องที่ส่งไปจากทางโรงเรียน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเร่งด่วน ทางด้าน น.ส.ชนิตา บุญประกอบ ครูผู้รับผิดชอบระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ได้กล่าวเสริมว่า นอกจากทางโรงเรียนจะให้ความช่วยเหลือเองแล้ว ยังได้ประสานการช่วยเหลือจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้ใจบุญ ครูที่อยู่ในกลุ่มเครือข่าย ได้ก็ร่วมกันช่วยเหลือ ล่าสุดสำนักงานพัฒนาและฟื้นฟูเด็กจังหวัดหนองคาย ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือ โดยให้เงินช่วยเหลือครอบครัวเดือนละ 2,000 บาท เป็นระยะเวลา 8 เดือน ๆ สุดท้ายคือเดือนกันยายน 2560 สำหรับครอบครัวของน้องเปรี้ยวอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 คน มีตา ยาย ลุง พ่อ แม่ น้องสาว และตัวน้องเปรี้ยวเอง พ่อ ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วนที่เคยทำงานในร้านค้าที่ตลาดท่าเสด็จก็ได้ลาออกจากงานมาดูแล ทำให้มีความเป็นอยู่ที่ลำบาก หากใครต้องการให้ความช่วยเหลือ สามารถบริจาคได้ที่บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาหนองคาย ชื่อบัญชี นางสาว ลลิตา วิเศษสุนทร หมายเลขบัญชี 020028111538 ทางด้านน้องพิมพ์นั้นนางนิภาพร เทียนทอง มารดาก็ได้โพสข้อความในเฟซบุ๊ก ขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือในการรักษาน้องพิมพ์ จนได้เงินมากพอแล้ว ล่าสุดยุดบริจาคกว่า 4.2 แสนบาท จึงขอปิดการรับบริจาค และขอหยุดการโพสความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับน้องพิมพ์ และได้ฝากเตือนว่า หากมีใครขอรับบริจาคอีกนั้นถือว่าเป็นการแอบอ้าง หรือเฟซบุ๊กปลอม.