วันที่ 15 ม.ค. 2563 ที่รัฐสภา (เกียกกาย) ในวาระด่วน หนังสือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขออนุญาตเรียกตัวนายปิยบุตร แสงกนกกุล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ไปสอบสวนคดีอาญาในสมัยประชุม ในดคีการชุมนุมแฟลชม็อบ ที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ให้ความคุ้มกันสมาชิกรัฐสภานั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนมากร่วมอภิปรายโดยยืนยันไม่ส่งตัวไปดำเนินคดีดังกล่าว สำหรับการชุมนุมเป็นเสรีภาพที่รับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ เป็นเสรีภาพที่สำคัญอย่างยิ่งในระบอบประชาธิปไตย แต่การชุมนุมที่สกายวอร์คครั้งนี้ ถูกเจ้าหน้าที่กล่าวโทษว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีพี่น้องประชาชนถูกดำเนินคดีจำนวนมาก ตนยืนยันว่า การบังคับใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ต้องใช้ไปในทิศทางที่เป็นคุณต่อการใช้เสรีภาพการชุมนุม ไม่ใช่ใช้ไปจนกลายเป็น พ.ร.บ.สกัดกั้น การชุมนุม หรือ พ.ร.บ.ห้ามชุมนุมสาธารณะ และการใช้กฎหมายนี้ต้องใช้อย่างเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่นำกระบวนการทางกฎหมาย การดำเนินคดี เป็นเครื่องมือสกัดกั้นเสรีภาพ หรือตั้งข้อกล่าวหาจนเป็นชนักปักหลัง จนคนกลัว ไม่กล้าชุมนุมที่จะใช้เสรีภาพเพราะจะถูกดำเนินคดี นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนทราบดีว่าความคุ้มกันเป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญมอบให้กับสมาชิกรัฐสภา เป็นเรื่องสำคัญป้องกันการกลั่นแกล้งและในทางปฏิบัติก็ไม่เคยอนุญาตให้กับสมาชิกในการไปถูกดำเนินคดี ตามกฎหมายรัฐธรมนูญ ความคุ้นกันมอบให้กับตำแหน่ง มิใช่ของส่วนบุคคล ซึ่งการที่ ส.ส.จะลุกขึ้นมาสละ ซึ่งจะสละได้ก็คือการลาออก อย่างไรก็ตามความคุ้มกันจะเอามาใช้ไม่ได้ ถ้าสภาแห่งนี้มีมติให้ส่งตัวไปหรือมีมติเป็นอย่างอื่นตนขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่อภิปรายยืนยันหลักการเรื่องความคุ้มกัน และธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมา แต่ขอยืนยันว่าตนและเพื่อนสมาชิก คือ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และคุณพรรณิการ์ วานิช เรายืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าพร้อมไปรายงานตัว และพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนต่อไป "เพราะเราเชื่อมั่นในเสรีภาพการชุมนุมตามที่รัฐธรรมนูญรับรอง และเราพร้อมจะเดินเคียงข้างกับประชาชนจำนวนมากที่ออกมาชุมนุมแสดงความไม่พอใจต่อความอยุติธรรม เราพร้อมถูกดำเนินคดี สืบสวน สอบสวน เคียงข้างประชาชนจำนวนมากที่ถูกดำเนินคดีอยู่ และเขาปราศจากความคุ้มกัน เพราะเขาไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอบคุณในน้ำใจไมตรีสมาชิกทุกท่าน แต่ขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และเจตจำนงของเราทั้ง 3 คนไว้ในสภาแห่งนี้" นายปิยบุตร กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้เจ้าตัวจะแสดงเจตจำนงดังกล่าว แต่ตามข้อบังคับการประชุม ก็ต้องขอมติจากที่ประชุมว่า เห็นควรอนุญาตให้พนักงานสอบสวน เรียกตัวทั้ง 3 ท่านไป ดำเนินคดีอาญาในระหว่างสมัยประชุม ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหนังสือขอตัวมาได้หรือไม่ ทั้งนี้ ผลการลงมติปรากฏว่า เสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย 368 เสียง ไม่อนุญาตส่งตัวทั้ง 3 คน ไปสอบสวนคดีอาญาในสมัยประชุม