"พลังประชารัฐ" ยื่นญัตติถอด "เสรีพิศุทธ์" พ้นกมธ.ปปช. ชี้ ทำหน้าที่ขัดรธน.ล่วงล้ำพระราชอำนาจ ไม่ฟังเสียงข้างมาก วันที่ 16 ม.ค. ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันแถลงเพื่อยื่นญัตติด่วนเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทยพ้นจากตำแหน่งกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีส.ส.รับรองในญัตตินี้จำนวน 52 คนตามข้อบังคับการประชุมสภาฯพ.ศ.2562 ข้อ 108 (5) นายไพบูลย์ กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องมีการยื่นญัตตินี้ เนื่องจากการประชุมคณะกรรมาธิการฯเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ได้มีการพิจารณาเรื่องการถวายสัตย์ปฎิญาณของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯเสียงข้างมากจำนวน 8 คนจากทั้งหมด 15 คน ได้มีมติโดยการขานชื่อเพื่อยืนยันว่าต้องการให้ยุติการตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของคณะกรรมาธิการฯที่จะตรวจสอบได้ เมื่อคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากได้มีมติแล้ว ปรากฎว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กลับละเลยมติเสียงข้างมากโดยไปอ้างข้อบังคับการประชุมสภาฯไม่ถูกต้องพร้อมกับอ้างอำนาจความเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯเพื่อไม่ถือตามมติเสียงข้างมาก เป็นผลให้กรรมาธิการเสียงข้างมากจะต้องดำเนินการกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ในสภาฯด้วยการเสนอญัตติฉบับนี้ "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้อาศัยสถานะความเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ทำการตรวจสอบการถวายสัตย์ของนายกฯ และคณะรัฐมนตรีทั้งที่่)เรื่องดังกล่าวอยู่ในเขตพระราชอำนาจ การกระทำของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงเป็นการกระทำที่มิบังควรอย่างยิ่ง ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จึงไม่สมควรที่จะปฎิบัตหน้าที่ประธานและกรรมาธิการต่อไป เพราะปฎิบัติหน้าที่โดยไม่มีอำนาจตรวจสอบดังที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้วินิจฉัยตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 32/2562 จึงขอเสนอญัตติด่วนเพื่อให้สภาฯพิจารณาดำเนินการและมีมติให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พ้นจากการเป็นกรรมาธิการฯต่อไป ผมเป็นนักฎหมายผ่านเรื่องต่างๆมากมาย ถ้าท่านยังไม่หยุด จะเป็นเรื่องที่ใหญ่อย่างคาดไม่ถึง" นายไพบูลย์ กล่าว ด้าน นายสิระ กล่าวว่า ส่วนตัวอยู่ในเหตุการณ์ระหว่างการประชุมเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ซึ่งยืนยันได้ว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมสภาฯชัดเจน หากพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป ตนเองจะดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีอีกหลายคดี สำหรับการที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะยื่นฟ้องส.ส.ที่ลงมติเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 นั้น เห็นว่าเมื่อพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มองว่าการพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณมิชอบด้วยกฎหมายแล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็ไม่ควรรับเงินเดือนแต่อย่างใด