ศาลฎีกาเรียก"เสี่ยไก่ วัฒนา"ไต่สวน ปมร้องเอาผิด "ปารีณา"โพสต์ข้อความคดีบ้านเอื้ออาทร ขัดคำสั่งศาล ด้านเสี่ยไก่ ขอถอนคำร้อง หลังปารีณา ยัน เป็นเฟซปลอม เมื่อวันที่ 13 ม.ค.63 ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันนี้ศาล นัดไต่สวนพยานในคดี ที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ผู้ร้องขอให้ศาลตรวจสอบการกระทำของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ว่ากระทำการขัดต่อคำสั่งศาลหรือไม่ เนื่องจาก น.ส.ปารีณา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อเดือน ส.ค.2562 พาดพิงนายวัฒนา และการเบิกความในคดีบ้านเอื้ออาทร โดยคดีนี้ น.ส.ปารีณาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา ทำให้ศาลนัดไต่สวนพยานแล้ว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2562 และห้าม น.ส.ปารีณาโพสต์ข้อความอีก และเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2562 น.ส.ปารีณาขอศาลเลื่อนนัดไต่สวนมาเป็นวันนี้เนื่องจากเพิ่งแต่งตั้งทนายความ วันนี้นายวัฒนา เดินทางมาศาลพร้อมทีมทนายความ เช่นเดียวกับ น.ส.ปารีณา ผู้ถูกร้อง สำหรับคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทรนั้น ก่อนหน้านี้ ระหว่างการไต่สวนพยานโจทก์ ศาลได้ออกข้อกำหนด เมื่อวันที่ 15 ก.ค.62 ว่า หลังจากที่มีการรายงานเกี่ยวกับคดีจนอาจกระทบการพิจารณาได้ องค์คณะฯ จึงได้ออกข้อกำหนดระหว่างการพิจารณา ห้ามไม่ให้ผู้ใดกระทำการ 1. ให้ข่าว, รายงาน หรือย่อเรื่องกระบวนพิจารณาคดีอย่างไม่เป็นธรรม และไม่ถูกต้อง 2. ทำการวิภาค (ภาษาตามกฎหมาย) โดยไม่เป็นธรรมในการดำเนินคดีของคู่ความ หรือคำพยานหลักฐาน รวมทั้งการแถลงข้อความที่เป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงของคู่ความ, พยาน 3. ชักจูงให้เกิดมีคำพยานเท็จ โดยการกระทำนั้นประสงค์จะให้มีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน หรือเหนือศาล, คู่ความ, พยานหลักฐาน ที่จะมีผลทำให้การพิจารณาคดีเสียความยุติธรรมไป โดยการออกข้อกำหนดดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.แพ่ง) มาตรา 30, 32, 33 ทั้งนี้ภายหลังการไต่สวน นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า ในชั้นการไต่สวน น.ส.ปารีณาได้ให้การต่อศาลยืนยันว่า เฟซบุ๊กที่มีการโพสต์ข้อความในลักษณะดังกล่าวเป็น เฟซบุ๊กปลอมและได้ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่มีเจตนาที่จะต้องการทำให้ตนได้รับความเสียหาย ดังนั้นเมื่อ น.ส.ปารีณา ยืนยันตนก็เชื่อว่า น.ส.ปารีณา มีเกียรติพอที่จะพูดความจริง จึงขอถอนคำร้องดังกล่าวโดยไม่ติดใจเอาความอีกต่อไป ซึ่งศาลได้จดรายงานและยุติเรื่องนี้แล้ว นายวัฒนา กล่าวว่า คดีนี้แม้เอาผิดต่อไปก็มีโทษแค่เพียงปรับเท่านั้นส่วนตัวจึงไม่อยากให้เป็นคดีไปรกศาลเพราะเห็นว่าศาลมีภารกิจและมีคดีสำคัญที่จะต้องพิจารณาจึงไม่อยากให้เป็นปัญหาจึงไม่เอาความ ด้าน น.ส.ปารีณา เปิดเผยว่า คดีนี้หากเอาผิดต่อไปก็จะเป็นการสร้างภาระให้กับศาล ซึ่งตนมีเอกสารหลักฐานยืนยันว่าเฟซบุ๊ก ดังกล่าวเป็นของ ซึ่งที่ผ่านมามีเฟซบุ๊กปลอมในลักษณะดังกล่าวจำนวนมากแต่ปรากฏว่าสื่อมวลชนไปให้ความสำคัญเนื่องจากเห็นว่ามีผู้ติดตามมากถึง 40,000 คนทำให้ตนได้รับผลกระทบ