เมื่อ 12 ม.ค. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.เปิดเผยถึง กิจกรรม วิ่งไล่ลุง ผ่านใน รายการลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ ที่ออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี ว่า การวิ่งไล่ลุงทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีไม่ว่าจะเป็นการวิ่งไล่ลุงที่สวนรถไฟที่มีประชาชนไปร่วมจำนวนมากโดยเฉพาะคนที่ไม่พอใจรัฐบาลและคนที่ได้รับความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ รวมถึงผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย ส่วนฝ่ายเดินเชียร์ลุง ก็ไปรวมตัวกันที่สวนลุมพินี ดังนั้นท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว เราอยู่ในสนามรบมานาน เข้าใจสถานการณ์ต้องไม่ใจร้อน และไม่กลัว เพราะที่ผ่านมาเราอยู่ในสถานการณ์ของความตายมาหลายครั้ง จึงไม่มีเรื่องความกลัวใดๆ แต่ที่ต้องคิดมากคือในสถานการณ์ความเป็นจริงนั้นเรารู้ว่าอยู่ตรงไหนในสถานการณ์นี้ อย่างไรตนเข้าใจสถานการณ์ และพร้อมเป็นผู้ตาม เพราะผ่านสัจธรรมทางการเมืองมามาก ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำทุกเวลา เหมือนยุคที่เราเป็นผู้นำ คนในวันนี้ก็เป็นผู้ตาม ซึ่งตนก็บอกอยู่เสมอว่าวันนี้เป็นเวลาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจเป็นผู้นำ ดังนั้นต้องให้โอกาสเดินกันอย่างเต็มที่ เพียงแต่ที่ผ่านมาได้ส่งเสียงเตือนทั้งรัฐบาล และผู้กิจกรรมวิ่งไล่ลุงก็ได้นำไปปฏิบัติในแนวทางเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด อย่างไรก็ตามกิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้จบลง เพระทางผู้จัดได้ประกาศจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงอีกครั้งในวันที่ 2 ก.พ.2563 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้นถือเป็นการเริ่มต้น ซึ่งส่วนตัวเคยวิเคราะห์ไว้ว่าการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงนี้เป็นกิจกรรมที่น่ารัก เพียงแต่วันนี้ ต้องการให้เห็นทั้งกระดาน ซึ่งถือว่าเป็นยกแรกที่ผ่านพ้นไปด้วยดี และถือว่าเป็นการจุดประกายกันทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่มีความหวังใดๆทั้งสิ้น เพราะการไปตั้งคณะกรรมาธิการ ศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อซื้อเวลานั้นส่วนตัวมองว่า ฝ่ายค้าน 7 พรรคไม่ควรไปเล่นการเมืองใดๆทั้งสิ้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงแค่มอบให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการเนื่องจากเป็นเงื่อนไขของพรรคประชาธิปัตย์ที่เข้าไปร่วมรัฐบาล หากเดินแนวทางนี้ก็จะไม่เสียเวลา โดยมุ่งไปที่มาตรา 256 ดังนั้นการที่ตนบอกให้เริ่มต้นที่มาตรา 256 ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นด้วย ส่วนที่เหลือให้เป็นเรื่องของประชาชนทั้งหมด ทั้งนี้การเลือกตั้งภายใต้กติกาอย่างเดิมไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาประเทศได้ บวกกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นและปัญหาเศรษฐกิจ ที่มาพร้อมกับภัยแล้ง หากรัฐบาลแก้ไขสถานการณ์ไม่ได้ อย่างไรเสียรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอย่างใกล้ชิดและรู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร เพียงแต่ไม่สะใจก็เท่านั้น ดังนั้นอย่าร้อนเกินสถานการณ์