รถบรรทุกแก๊ส LPG 8 ตัน เสียหลักบังคับรถไม่อยู่ส่ายไปมาพุ่งชนวินาศสันตะโรทั้งกระบะและเก๋งรวดเดียว 4 คัน รถพังยับทั้งหมด เสียชีวิตทันที 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ถูกโรงพยาบาล ขณะที่มีบาดเจ็บ อีกเล็กน้อยแค่ฟกช้ำอีก 4 รายอยู่ในที่เกิดเหตุ ต้องปิดถนนเป็นระยะทาง 1 กม.ป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน และจัดชุดดับเพลิงชุดผจญภัยควบคุมสถานการณ์หวั่นรถแก๊สระเบิดซ้ำ วันที่ 12 มกราคม เมื่อเวลา 07.45 น. สถานีตำรวจภูธรเขาบางแกรก อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี รับแจ้งเกิดอุบัติรถบรรทุกแก๊ส LPG รถกับรถกระบะ และรถเก๋งรวด เดียว 4 คัน ที่ถนนสายหนองฉาง – ลานสัก บ้านประดาหัก หมู่ที่ 8 ตำบลเขากวางทอง อำเภอหนองฉาง มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก พนักงานสอบสวนและกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยรถกู้ชีพ และหน่วยกู้ภัย และรถดับเพลิงไปที่เกิดเหตุ พบรถแก๊ส LPG ขนาดถังแก๊ส 8 ตัน วินาศสันตะโรรวดเดียว 4 คัน โดยชนคันแรกเป็นรถกระบะโตโยต้าแบบแคปรุ่นวีโก้สีบอนทอง หมายเลขทะเบียน บฉ – 2993 อุทัยธานี มีนายธานี อ่อนบาง อายุ 48 ปี ซึ่งจะเดินทางไปส่งบุตรชายเรียนพิเศษในตัวอำเภอบาดเจ็บเล็กน้อยทั้ง 2 คน ส่วนรถพังยับเยิน และคันที่ 2 เป็นรถยี่ห้ออีซูซุกระบะสีเขียวหมายเลขทะเบียน บฉ – 4690 อุทัยธานี สภาพรถพังยับเยินทั้งคัน มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ทราบชื่อเป็นเด็กหญิงธนัชชา เมืองมูล อายุ 14 ปี ติดอยู่ในซากรถ กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร้างส่งต่อหน่วยชีพของโรงพยาบาลหนองเพื่อช่วยชีวิตนำส่งโรงพยาบาส่วนขับในรถคันเเดียวกันเป็นแม่ของผู้บาดเจ็บเสียชีวิตทันทีติดอยู่ในซากรถ กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำศพออกมาอย่างทุลักทุเล ทราบชื่อคือนาสาว นิภารัตน์ พันธ์โหมด อายุ 35 ปี และคันที่ 3 ถูกรถแก๊สพุ่งชนไปชนกับต้นไม้คนขับได้รับบาดเจ็บฟกช้ำเป็นเก๋งฮอนด้าซิตี้สีบอร์นเงิน กง - 9245 พิจิตร และรถแก๊สได้ไปพุ่งชนต่อคันสุดท้ายเป็นรถกระบะอีซูซุ สีแดง หมายเลขทะเบียน บท – 6093 อุทัยธานี สภาพพังยับเยินติดอบยู่กับรถแก๊สคนคนขับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยมีนายทวี ขันสาลี อายุ 43 ปี คนขับรถแก๊สรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจากการสอบสวนคนขับรถแก๊สให้การว่าตนเองขับรถแก๊ส LPG ขับรถบรรทุกแก๊ส มาจากกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 02.00 น. เกิดรถเสียหลักสบัดจนส่ายไปส่ายมาไปชนรถที่ขับสวนคันต่อๆมา จนเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำ ผู้ขับขี่รถทุกราย พร้อมทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ซึ่งไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ ก่อนจะทำการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป โดยเหตุดังกล่าว ยังส่งผลให้การจราจรบนถนนนั้นถูกปิดชั่วคราว เป็นระยะทาง 1 กม.เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อนไปจนกว่าจะสามารถทำการเคลื่อนย้ายรถทั้งหมดได้แล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง ขณะะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและชุดผจญภัยยังต้องเตรียมสารเคมี และรถดับเพลิงเฝ้าสถานการณ์หวั่นรถแก๊สระเบิดซ้ำ อีกด้วย