ภายหลังจากเครื่องบินโดยสารแบบโบอิง 737 – 800 ของสายการบินยูเครนอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ส เที่ยวบินพีเอส 752 ประสบเหตุตก ขณะเพิ่งเดินทางออจากท่าอากาศยานนานาชาติเตหะรานอิหม่ามโคไมนี กรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน จนส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่อง ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 176 ราย เสียชีวิตทั้งหมดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้มีคำถามตามมาเกี่ยวกับสาเหตุการตกของเครื่องบินลำดังกล่าว โดยสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติคู่ขัดแย้งจากกรณีพิพาทกับอิหร่านครั้งล่าสุด ได้ระบุว่า เครื่องบินลำดังกล่าวถูกขีปนาวุธจากอิหร่านยิงตก โดยบรรดาสื่อมวลชนในสหรัฐฯ อ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่กล่าวอ้างว่า ระบบดาวเทียมสอดแนมของสหรัฐฯ สามารถตรวจจับสัญญาณอินฟาเรดของการยิงขีปนาวุธ จำนวน 2 ลูก ก่อนที่เครื่องบินโดยสารจะระเบิดตามมา เช่นเดียวกับนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประเทศที่มีพลเมืองเสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมการบินครั้งนี้จำนวนถึง 63 ราย ได้เปิดเผยว่า ตนเชื่อว่าเครื่องบินตกเพราะอาจถูกยิงด้วยขีปนาวุธจากอิหร่าน อย่างไรก็ตาม บรรดาหน่วยข่าวกรองของเหล่าชาติตะวันตกหลายประเทศ กลับระบุว่า ยังไม่พบสัญญาณว่า เครื่องบินตกเพราะถูกยิงด้วยขีปนาวุธ ขณะที่ ทางการอิหร่าน รัฐบาลเตหะราน ซึ่งสามารถเก็บกู้อุปกรณ์บันทึกการบิน หรือกล่องดำ ได้แล้วนั้น ได้มีแถลงการณ์ปฏิเสธต่อข้อกล่าวหาที่ระบุว่า เครื่องบินถูกขีปนาวุธยิงตก และว่าจะเร่งสืบสวนสอบสวนของสาเหตุการตกให้ได้โดยเร็ว และจะเปิดเผยผลการสืบสวนสอบสวนโดยทันที