"สาธิต" เปิดตัวเฟชบุ๊คแฟนเพจชื่อ “ลูกเล่น by ราชานุกูล” หวังใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารกับทีมสหวิชาชีพเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา แนะเคล็ดไม่ลับพ่อแม่เล่นกับลูก เลี้ยงลูกให้เด็ก“คิดเป็น คิดดี คิดให้” วันนี้ (10 ม.ค. 2563) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต และพญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผอ.สถาบันราชานุกูล ร่วมเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจําปี 2563 ที่สถาบันราชานุกูล โดย ดร.สาธิต กล่าวว่า ในวันเด็กปีนี้ได้ให้สถาบันราชานุกูล ได้จัดทำนวัตกรรมการพัฒนาเด็กไทย คิดเป็น คิดดี คิดให้ ด้วยสายใยพันผูก เพื่อใช้เป็นแนวทางให้ผู้ปกครองเด็กวัย 3-5 ขวบ ใช้การเล่นดังกล่าว นำไปส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ของลูก โดยไม่จำเป็นต้องจัดหาของเล่น หรืออุปกรณ์การเล่นที่ราคาแพง หายาก เน้นให้สมาชิกในครอบครัวมีการสื่อสาร สร้างสัมพันธภาพระหว่างพ่อแม่กับลูกผ่านการเล่น สร้างความผูกพันทางอารมณ์ ผ่านการทำกิจกรรมร่วมกันในชีวิตประจำวัน ได้แก่การกิน การสัมผัส การเล่น และการเล่า พร้อมเปิดตัวเฟชบุ๊คแฟนเพจ ในชื่อ “ลูกเล่น by ราชานุกูล” เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารแบบออนไลน์ของประชาชนกับทีมสหวิชาชีพผู้มีความเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็ก โดยนำเสนอแนวทางการเล่นและการเลี้ยงดูลูกให้เป็นเด็กไทย“คิดเป็น คิดดี คิดให้” ในรูปแบบคลิปวิดีโอที่สนุกสนานได้ความรู้ พร้อมเคล็ดลับจากกูรูพ่อแม่ที่น่าสนใจมาแลกเปลี่ยนกัน ดร.สาธิต กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้ให้ทุกจังหวัดดำเนินการ 2 เรื่อง ได้แก่ 1.การลดอัตราตายของมารดาไม่เกิน 20 ต่อการเกิดมีชีพแสนคน และ2.เด็กมีพัฒนาการสมวัยไม่น้อยกว่า ร้อยละ 85 ผ่านคณะกรรมการอนามัยแม่และเด็กส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการเด็ก “โดยจัดระบบบริการอนามัยแม่และเด็กที่ได้มาตรฐานสากล สร้างการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม ครอบคลุม ทั้งเด็กปกติ เด็กป่วย และเด็กด้อยโอกาส” ดร.สาธิต กล่าว ด้านนายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวว่า จากการสํารวจระดับความฉลาดทางสติปัญญา (IQ) และระดับความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เด็กไทยของกรมสุขภาพจิต ในปี 2559 พบ เด็กไทยมีระดับไอคิว 98.23 จุด และร้อยละ 16.7 มีอีคิวต่ำกว่าปกติ ดังนั้น กรมสุขภาพจิต จึงเร่งพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นคนไทย 4.0 ซึ่งจะต้องมีสติปัญญาดี มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดแง่บวกและคิดทําประโยชน์ช่วยเหลือผู้อื่นและสังคม เน้นการให้เด็กไทยมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเอง พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ และต้องมีความสุข สนุกกับชีวิต “ที่สำคัญต้องมีแนวทางใหม่ๆในการแก้ไขปัญหา สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และแบ่งปันให้ผู้อื่นในสังคม” นอกจากนี้ ภายในปี 2564 เด็กไทยต้องมีไอคิว ไม่ต่ำกว่า 100 จุด และอีคิว ที่ปกติ ร้อยละ 80