ตลอดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในวาระที่ 2 เป็นรายมาตรา ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 8-10ม.ค. บรรยากาศการประชุมไม่คึกคัก ดุเดือดและตื่นเต้นเท่าที่ “พรรคฝ่ายค้าน”ได้โหมประโคมกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวันแรกมี “อุตตม สาวนายน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เป็นผู้แถลงชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า คณะกรรมการวิสามัญฯ ได้มีมติปรับลดงบประมาณจำนวน 16,231 ล้านบาทในวงเงินตามกรอบงบประมาณรายจ่าย 3.2 ล้านล้านบาท แม้งบประมาณของกระทรวงกลาโหม จะอยู่ในเป้าหมายของการ “ชำแหละ” โดยพรรคฝ่ายค้าน อย่าง “พรรคอนาคตใหม่” มาตั้งแต่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯยังไม่เข้าสู่สภาฯไม่ว่าจะเป็นประเด็นการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาไฟใต้ การจัดซื้อเรือดำน้ำ หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จนทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่างบของกองทัพโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5ปีที่ผ่านมา แต่ในที่สุดแล้วงบประมาณ จำนวน 1.2แสนล้านบาทของกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในสังกัด ก็สามารถ “ผ่านฉลุย” ไปด้วยเสียงข้างมาก247 ต่อ 195 โดยที่ “เจ้ากระทรวง” อย่าง “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่จำเป็นต้องเข้าไปชี้แจงด้วยตนเองแต่อย่างใด การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ฯ2563 น่าจะถือเป็นการชิมลาง เกมในสภาฯ ก่อนถึงวันศึกใหญ่ มาถึง คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นวาระสำคัญ สำหรับ “7พรรคฝ่ายค้าน” โดยจะสามารถชำแหละและถล่มรัฐบาล ได้ชนิดรายบุคคล ไล่เลียงกันตั้งแต่ หัวขบวน คือ พล.อ.ประยุทธ์ ไปจนถึงรัฐมนตรีที่ถูกจับขึ้นลิสต์อภิปรายไม่ไว้วางใจ ภายใต้ความหวังที่ว่าแม้จะไม่ถึงกับ “ล้มรัฐบาล” ได้ก็ขอให้เกิดอาการ “ซวนเซ” ให้เห็นก็ยังดี ! แต่เมื่อศึกในยกแรก ในวาระการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2563 กลับกลายเป็น “เกมกร่อย” ขาดความหวือหวา คึกคักและเข้มข้น อย่างไรก็ดี ส่วนหนึ่งอาจเป็นไปได้ว่า บรรดาส.ส.พรรคฝ่ายค้านเองกำลังอยู่ในการอาการละล้าละลัง เพราะต้องแบ่งกำลังทำศึกหลายทาง ทางหนึ่งคือการเตรียมทัพใหญ่เพื่อเตรียมลุยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และอีกทางหนึ่งคือการแบ่งกำลังลงไปร่วมกิจกรรม “วิ่ง ไล่ ลุง” ประเดิมรอบแรกวันที่ 12 ม.ค.นี้ ซึ่งหาก “จุดติด” โอกาสที่จะขยายผล งานวิ่ง ไล่ ลุง ไปเป็นภาคต่อ จะยิ่งมีสูง มากขึ้นเท่านั้น ปัญหาที่แท้จริงของพรรคร่วมฝ่ายค้านสำหรับเกมการเมืองในสภาฯ นั้น ปัจจัยหนึ่งย่อมมาจากแต่ละพรรคฝ่ายค้านไม่มี “ขุนพลตัวจริง” ที่อยู่ในระนาบแถวที่ 1 เนื่องจาก นักการเมืองตัวจริงไม่มีใครฝ่าด่านเข้าสภาฯมาได้ จึงเหลือเพียงให้ส.ส.แถว 2 แถว3 ในสภาฯ ออกมารับบทหนักแทน ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น ขณะเดียวกันพรรคฝ่ายค้านอีก 6 พรรคเองก็อยู่ในสภาพที่ “รวน”กันสุดกำลัง ยิ่งเมื่อการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณางบประมาณ ฯ2563 เที่ยวนี้ยังปรากฏว่าเกิด “งูเห่าหน้าใหม่” จากพรรคฝ่ายค้านให้แกนนำเจ็บใจเล่น