นายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่ค่อนข้างรุนแรงในปี 63 โดยน้ำใน 4 เขื่อนหลักมีปริมาณน้อยมากทำให้มีน้ำไม่พอสำหรับผลักดันน้ำเค็มในช่วงน้ำทะเลหนุนสูง ว่า กปน. เตรียมรับมือสถานการณ์ภัยแล้งตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย.62 และแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพน้ำไปยังประชาชนตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา กปน. ยืนยันว่าคุณภาพน้ำประปา ณ ปัจจุบัน เป็นไปตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกทุกประการ ยกเว้นบางช่วงเวลาที่รสชาติของน้ำประปาในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาจะเปลี่ยนไปเป็นรสชาติกร่อย สำหรับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงสามารถบริโภคได้ ไม่มีผลต่อสุขภาพ ส่วนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ เด็กเล็ก สัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก ซึ่งควรหลีกเลี่ยงบริโภคน้ำประปาในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงเป็นบางช่วงเวลา ระยะสั้น กปน. มีการบริหารจัดการปัญหาน้ำเค็มโดยหยุดการสูบน้ำเมื่อมีค่าความเค็มสูงขึ้น ส่วนระยะกลาง มีแนวทางย้ายจุดรับน้ำดิบเหนือขึ้นไปอีก 20 กิโลเมตร ซึ่งน้ำทะเลหนุนไม่ถึง คือบริเวณบางไทร สำหรับการแก้ปัญหาในระยะยาว เป็น mega project กปน. โดยเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ และการเสริมโครงข่ายการให้บริการน้ำประปาให้สามารถผันน้ำข้ามฝั่งได้ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามการพยากรณ์ค่าคลอไรด์ในน้ำประปาประจำวัน ได้ทุกวัน ในเวลาประมาณ 09.30 น. ผ่านสื่อต่าง ๆ ของ กปน. อาทิ Facebook Twitter และ Line@ ภายใต้ชื่อเดียวกัน @MWAthailand กปน. บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเปิดบริการ 18 จุดจ่ายน้ำประปาดื่มได้แก่ประชาชนฟรีทุกสาขา จากปัญหาน้ำประปามีรสชาติกร่อยในบางเวลา โดยประชาชนทั่วไปสามารถนำภาชนะมารองรับน้ำประปาได้ฟรี โดยเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 - 20.00 น. ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.63 เป็นต้นไป โดยจุดจ่ายน้ำดังกล่าว รับน้ำจากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบด้านความเค็ม กปน. ยืนยันในการผลิตน้ำประปาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนในเขต กทม. นนทบุรี และสมุทรปราการ อย่างเพียงพอและต่อเนื่องตลอดหน้าแล้งนี้ แม้ต้องหลีกเลี่ยงการสูบน้ำดิบบางช่วงเวลา และขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อผ่านพ้นสถานการณ์ภัยแล้งด้วยกัน