อิหร่านโหมเพลิงแค้น ด้วยการปลุกประชาชน ช่วยกันระดมเงินลงขันตั้งค่าหัว “ทรัมป์” 80 ล้านดอลล์ พร้อมโวลั่นสามารถลุยถล่มทำเนียบขาวได้ทุกเมื่อ ก่อนทางการเตหะรานฉีกข้อตกลงพัฒนานุกที่ทำไว้กับเหล่าชาติมหาอำนาจที่ทำไว้เมื่อเกือบ 5 ปีก่อนออกเป็นริ้วๆ ส่งผลให้สามารถเดินหน้าโครงการอาวุธมหาประลัยได้อย่างเต็มสูบ กรณีความคืบหน้าเหตุการณ์สังหาร พล.ต.คัสเซ็ม โซไลมานี ผบ.หน่วยรบพิเศษคุดส์แห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามอิหร่าน โดยกองทัพสหรัฐฯ ขณะเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ม.ค.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของโฆษกรัฐบาลอิหร่าน และคณะผู้จัดงานพิธีศพของ พล.ต.คัสเซ็ม โซไลมานี ผบ.หน่วยรบพิเศษคุดส์ ที่ระบุว่า ได้ประกาศตั้งค่าหัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เป็นจำนวนเงิน 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราวกว่า 2,411 ล้านบาท) แก่ผู้ที่สังหาร หรือจับตัวผู้นำสหรัฐฯ รายนี้ได้ เพื่อตอบโต้ที่เขาเป็นคนออกคำสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศสังหาร พล.ต.คัสเซ็ม พร้อมกันนี้ ทางโฆษกรัฐบาลอิหร่าน และคณะผู้จัดงานฯ ดังกล่าว ยังได้เรียกร้องต่อประชาชนชาวอิหร่านทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวน 80 ล้านคน ให้ช่วยกันบริจาคเงินกันคนละ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราว 30.14 บาท) เป็นค่าหัวของประธานาธิบดีทรัมป์ นอกจากนี้ นายอาบูฟาซิล อาบูโตราบี สมาชิกรัฐสภาของอิหร่าน ได้ประกาศด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวว่า อิหร่านมีศักยภาพที่จะโจมตีและทำลายทำเนียบขาว ซึ่งเป็นทำเนียบประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตันดี.ซี.ได้ โดยเพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ขณะเดียวกัน ทางด้านรัฐบาลของอิหร่าน ได้เรียกประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรี เพื่อหารือเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์ โดยที่ประชุมฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ทางการอิหร่านไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงว่าด้วยการจำกัดการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมที่ทำไว้กับเหล่าชาติมหาอำนาจ เมื่อปี 2558 ส่งผลให้ทางการอิหร่านสามารถเดินหน้าโครงการพัฒนานิวเคลียร์ ด้วยการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเพื่อการดังกล่าวได้อย่างไม่จำกัด