วันที่ 3 ม.ค.63 ที่ สตม.สวนพลู พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พีรวัส บุญลอย ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าวจับกุมคดีคนต่างชาติกระทำความผิดรายสำคัญ พล.ต.ต.พีรวัส กล่าวว่าตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2562 ตามแผนระดมกวาดล้างอาชญากรรมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในห้วงเทศกาลปีใหม่ 2563 บก.ตม.6 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.6 สนธิกำลังร่วมกับ สภ.ควนมีด จว.สงขลา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตรวจสอบรถโดยสาร ที่สัญจรผ่านด่านความมั่นคงควนมีด อ.จะนะ จว.สงขลา เนื่องจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีคนต่างด้าวเดินทางมากับรถโดยสารประจำทางมุ่งหน้าไปยัง จว.นราธิวาส โดยเมื่อเวลาประมาณ 04.30 จนท.ชุดสืบสวนฯ ตรวจพบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจำนวน 7 คน โดยสารมากับรถบัสโดยสารของบริษัทขนส่งจำกัด (99) เส้นทางกรุงเทพ- สุไหงโก-ลก และได้แสดงหนังสือเดินทางแก่เจ้าหน้าที่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทางกายภาพของหนังสือเดินทางเบื้องต้นพบพิรุธข้อสงสัยในหนังสือเดินทางหน้าที่ระบุข้อมูลบุคคล (BIO DATA PAGE) จึงเชิญตัวมาตรวจสอบข้อมูล อย่างละเอียดกับฐานข้อมูลระบบสารสนเทศของ สตม.(BIOMETRICS) โดยใช้เลขหนังสือเดินทางเป็นตัวสืบค้น ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในหน้าข้อมูลบุคคล โดยชื่อ วันเดือนปีเกิด และรูปหน้าไม่ตรงกับข้อมูลหนังสือเดินทางที่บันทึกไว้ในระบบ เจ้าหน้าที่ตำตรวจจึงสอบถามทุกคนให้การยอมรับสารภาพว่าต้องการข้ามไปทำงานยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งพวกตนได้รับการชักชวนจากนายหน้าที่เมืองทวาย ประเทศเมียนมา และนายหน้าคนดังกล่าวให้พวกตนถ่ายรูปหน้าตรงและส่งมอบให้กับนายหน้า และได้หลบหนีเข้าเมืองมาทางช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-เมียนมา ต่อมามีรถยนต์กระบะมารับพวกตนไปพักค้างยังบ้านเช่าแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพฯ ต่อมามีนายหน้านำหนังสือเดินทางมาให้พร้อมกับตั๋วรถโดยสารกรุงเทพ-สุไหงโก-ลก ให้พวกตนถือไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบและเชื่อว่าเดินทางเข้ามาถูกต้อง จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและจับกุม ณ ด่านความมั่นคงควนมีด จ.สงขลา จนท.ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.6 จึงได้ควบคุมตัวและแจ้งข้อหาว่า “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้หนังสือเดินทางปลอม” ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.6 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป อีกรายตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลาจับกุมแรงงานต่างด้าวใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2562 ตามแผนระดมกวาดล้างอาชญากรรมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในห้วงเทศกาลปีใหม่ 2563 พ.ต.อ.ชลิต โชคอมรพานิชผกก.ตม.จว.สงขลา สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตม.จว.สงขลา บูรณาการกำลังกับ กก.สส.บก.ตม.6 และ ตำรวจท่องเที่ยว ออกตรวจสถานบริการ แหล่งชุมนุมของคนต่างด้าว สถานีขนส่งผู้โดยสาร ภายในพื้นที่จังหวัดสงขลา ต่อมาตรวจพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจำนวน 14 คน มีหนังสือเดินทางแต่ท่าทางพิรุธ จึงเชิญตัวมาตรวจสอบข้อมูล อย่างละเอียดกับฐานข้อมูลระบบสารสนเทศของ สตม.(BIOMETRICS) จึงพบว่าทุกคนไม่ใช่คนเดียวกันกับผู้ถือหนังสือเดินทาง โดยระบบไบโอเมตริกส์มีการเปรียบเทียบระหว่างภาพข้อมูลหนังสือเดินทาง, ภาพผู้ถือหนังสือเดินทางและภาพฐานข้อมูลเดิม ประมวลผลและแสดงผลการเปรียบเทียบอย่างชัดเจน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำตรวจจึงสอบถาม ทุกคนให้การยอมรับสารภาพว่าต้องการ เข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายจึงหลบหนีเข้าเมืองมาทางช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-เมียนมา ต่อมามีนายหน้า นำหนังสือเดินทางของผู้อื่นมาให้แรงงานต่างด้าวถือไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบและเชื่อว่าเดินทางเข้ามาถูกต้องโดยเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางและซื้อหนังสือเดินทางคนละ 1.1 ล้านจ๊าด(ประมาณ 22,000 บาท) ขณะกำลังรอนายหน้ามารับที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา เพื่อกระจายแรงงานต่างด้าวไปตามพื้นที่ต่างๆ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจพบ จึงจับกุมแจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้หนังสือเดินทางผู้อื่นในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย” ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป