วันที่ 2 ม.ค. 2563 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จะมีการประชุมกรรมาธิการวิสามัญฯในวันที่ 14 ม.ค. และ 17 ม.ค. เนื่องจากรอพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำงบประมาณพ.ศ.2563 เสร็จสิ้นก่อน สำหรับการประชุมในวันที่ 14 ม.ค.และ17 ม.ค.จะเปิดให้กรรมาธิการแสดงความเห็น เพื่อสรุปสาระ แต่ยังไม่พิจารณาเป็นรายมาตราว่าควรจะแก้ไขในมาตราใด ส่วนตัวจะเสนอต่อในสองส่วนคือ 1.ให้สื่อมวลชนเข้ามารับฟังการประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อนำเสนอและสะท้อนข้อมูลของคณะกรรมาธิการวิสามัญออกไปได้ทั้งสองด้าน เพื่อให้สังคมได้เห็นว่าใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในประเด็นใดและอย่างไร ซึ่งจะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแสดงความคิดเห็นเพียงฝ่ายเดียว โดยส่วนตัวมองว่าเมื่อเวทีคณะกรรมาธิการวิสามัญฯแล้วก็ควรแสดงความคิดเห็นกันอย่างมีเหตุผล ไม่ควรปลุกกระแสให้เกิดความขัดแย้ง แต่ควรนำเหตุผลและข้อมูลมาอภิปรายแลกเปลี่ยนกัน นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า 2.ไม่เห็นด้วยให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ จะเป็นการสร้างปัญหามากกว่าประโยชน์ที่สังคมจะได้รับจากการตั้งส.ส.ร. แต่ควรแก้ไขเป็นรายมาตรามากกว่า ซึ่งจะต้องมาจากความคิดเห็นที่ว่ามาตราดังกล่าวมีปัญหาโดยแท้และสังคมยอมรับว่าควรจะต้องมีการแก้ไข โดยเทียบเคียงกับการแก้ไขประมวลกฎหมาย เช่น ประมวลรัษฎากร หรือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเวลาหนึ่งที่ประมวลกฎหมายดังกล่าวมีปัญหา ฝ่ายบริหารจะเสนอให้ฝ่ายนิติบัญญัติแก้ไขเป็นรายมาตรา ไม่ได้มีการยกร่างใหม่ทั้งฉบับแต่ประการใด "การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากจะแก้ไขโดยอาศัยความเห็นฝ่ายเดียวย่อมจะนำมาซึ่งปัญหาได้ อีกทั้งที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ปราศจากความคิดเห็นร่วมกันจะเกิดขึ้นมาได้แม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะประสบความสำเร็จได้จะต้องมาจากความคิดเห็นร่วมกันของทุกฝ่ายที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและไม่สร้างความขัดแย้ง" นายไพบูลย์ กล่าว