นับตั้งแต่มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎร เหล่าส.ส. ของพรรคการเมือง ก็เริ่มแสดงฝีไม้ลายมือของตัวเองในด้านต่าง ๆ ให้สมกับที่ลับคมเขี้ยวรอกันมานานถึง 5 ปี โดยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ส.ส.บางคนถูกจับตาในฐานะ “ดาวรุ่ง” ทั้งจากบทบาทการทำงาน หรือกระแสข่าวต่าง ๆ แต่ทั้งนี้ก็มีหลายคนที่เป็นดาวโดดเด่นอยู่ได้เพียงแค่ช่วงเวลาไม่นาน เพราะต้องโดนอดีตของตัวเองตามหลอกหลอนจนต้องกลายเป็นดาวร่วงในที่สุด หรือแม้กระทั่งการวางตัวที่ไม่เหมาะสมเองก็ทำให้ร่วงจากฟ้าลงมาไม่เป็นท่าเช่นกัน“สยามรัฐ” ได้รวบรวมเหล่าดาวรุ่งที่ “ขึ้นเร็ว ลงแรง” ในปีนี้ โดยเริ่มกันที่คนแรก “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จะเรียกว่าเป็นมือใหม่เอี่ยมสำหรับการเมืองเสียเลยทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะธนาธรเองเคยมีบทบาทด้านการเคลื่อนไหว และกิจกรรมกรรมทางการเมืองตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ก่อนหน้าที่เขาจะเติบโต และประสบความสำเร็จในฐานะนักธุรกิจหมื่นล้าน ด้วยความที่เขามีความสนใจทางด้านการเมืองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ธนาธร ตัดสินใจทิ้งธุรกิจหมื่นล้าน เพื่อกระโดดเข้าสู่สนามการเมือง โดยการจับมือกับนักวิชาการ และผู้สนับสนุนคนอื่น ๆ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา ธนาธร ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีการจุดกระแส “พ่อของฟ้า” ที่ครองใจคนรุ่นใหม่อย่างถล่มทลาย เขาและพรรคอนาคตใหม่ถูกจับตาในฐานะคนรุ่นใหม่ และพรรคน้องใหม่ที่มาแรง ในช่วงการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ สามารถนำลูกพรรคเข้าสภาได้ถึง 80 คน และได้รับคะแนนมหาชน (ป๊อปปูลาร์โหวต) ถึง 6.25 ล้านเสียง อย่างไรก็ตาม ธนาธรเองยังไม่ทันได้มีบทบาทในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่1 ของพรรค เพราะเขาถูกร้องให้ตรวจสอบกรณีถือครองหุ้นของบริษัท วี-ลัค มีเดีย เป็นเหตุให้เขาถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่การเป็นส.ส. และมีคำตัดสินให้สมาชิกภาพการเป็นส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. สำหรับเคราะห์กรรมของธนาธรไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะล่าสุด เมื่อวันที่11 ธ.ค.2562 กกต. มีมติส่งเรื่องให้ศาลัฐธรรมนูญวินิจฉัย“ยุบพรรคอนาคตใหม่” กรณีกู้ยืมเงินธนาธร จำนวน 191 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ชะตากรรมของธนาธร และพรรคอนาคตใหม่หลังจากนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว มีคำตัดสินว่า“ไม่ผิด” เหตุการณ์ก็จะสิ้นสุดลงไป พรรคก็จะยังทำงานได้ตามปกติเช่นเดิม แต่หากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยแล้ว มีคำตัดสินว่า “ผิด”จะก่อให้เกิดเหตุการณ์สำคัญ คือ ธนาธร ผู้ให้กู้ ต้องจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี พรรคอนาคตใหม่ โดนปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และริบเงินกู้ 181 ล้านบาทของพรรค เข้าสู่กองทุนพรรคการเมือง ซึ่งเป็นของ กกต. ขณะที่กรรมการบริหารพรรค 15 คน จะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในอนาคต และส.ส.ทั้งพรรค ต้องหาพรรคใหม่ใน 60 วัน หากใครหาไม่ได้ จะสิ้นสภาพ ส.ส. “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับ ธรรมนัส เรียกได้ว่าเป็นแกนนำคนสำคัญอีกคนหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐ จนได้ฉายาว่า “มือประสานสิบทิศ” เนื่องจากหลายรอยร้าวทั้งในและนอกพรรคเขาสามารถที่จะประสาน และดีลเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา โดยเส้นทางการเข้าแวดวงการเมืองของเขานั้นเริ่มจากพรรคไทยรักไทยของ“ทักษิณ ชินวัตร” และต่อมาหลังมีการตั้งพรรคพลังประชารัฐก็ได้รับการชักชวนจากผู้หลักผู้ใหญ่ให้มาร่วมงานการเมือง ด้วยความที่เขามีพื้นเพเป็นคนจ.พะเยา เขาได้รับมอบหมายงานในตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ ซึ่งก็ไม่ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคผิดหวัง เพราะเขาสามารถเจาะหลายพื้นที่ของภาคเหนือมาได้หลายเขต เส้นทางการเมืองในบ้านใหม่อย่างพรรคพลังประชารัฐของกำลังไปได้สวย เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่กระนั้นก็ใช่ว่าทุกอย่างจะจบแบบสวยงามและราบรื่น ด้วยความที่ในอดีต ธรรมนัส ถูกมองว่าเป็นผู้มากอิทธิพล ทำให้การเข้าสู่วงการการเมืองของเขาแบบมาแรงต้องถูกขุดคุ้ยประวัติขึ้นมาพูดถึงกันบ้าง โดยเขาตกเป็นเป้าและถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างหนักถึงคุณสมบัติและความเหมาะสมในการเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากในอดีต เคยมีข่าวว่าต้องติดคุกข้อหาลักลอบขนเฮโรอีน 3.2 กิโลกรัม เข้าประเทศออสเตรเลียมาก่อน ซึ่งถ้ารัฐมนตรีเคยมีโทษอาญาถึงขนาดนี้ ย่อมส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ที่ดีของแวดวงการเมืองแน่นอน ถึงแม้ ธรรมนัส จะอธิบายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการที่อยู่ผิดที่ ผิดเวลา และตัวเองไม่ได้โดนข้อหาผลิตและนำเข้ายาเสพติด แต่โดนข้อหารู้ว่ามียาเสพติด แต่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ทำให้ถูกคุมขังราว 8 เดือน ก่อนออกมาใช้ชีวิตปกติที่ซิดนีย์อีก 4 ปีเต็มก่อนถูกส่งตัวกลับมาไทย แต่เรื่องก็ไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ เฮรัลด์ มอร์นิ่ง จากออสเตรเลีย ได้ลงข่าวตอบโต้ และยืนยันว่าธรรมนัสไม่ได้อยู่ผิดที่ ผิดเวลา แต่มีการวางแผนลักลอบค้ายาอย่างเป็นระบบ และศาลได้สั่งจำคุกเป็นเวลา 4 ปี ที่ออสเตรเลีย และหลังถูกปล่อยตัว ในวันที่ 15 เม.ย. 2536 ก่อนจะเนรเทศส่งตัวกลับไทยทันที เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หลายคนตั้งคำถามกับรัฐบาลว่าสมควรหรือไม่ ที่จะให้ธรรมนัสดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายรัฐบาลเองก็ออกมายืนยันว่าการเป็นรัฐมนตรีของธรรมนัสไม่ขัดต่อกฎหมาย สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงขณะนี้อยู่ระหว่างที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร นัดหมายสถานทูตออสเตรเลีย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเข้าขอข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง เรื่องราวในอดีตที่ตามหลอกหลอนเขายังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีกรณีเรื่องวุฒิการศึกษาปริญญาเอกของธรรมนัสที่ได้มาจากสถาบันที่ไม่ผ่านการรับรองของกระทรวงศึกษาธิการในประเทศสหรัฐอเมริกา และคาดว่าจะตกเป็นเหยื่อขบวนการค้าปริญญาปลอม ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการชี้แจงต่อกมธ. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ เช่นกัน โดยความคืบหน้าล่าสุดมีการส่งหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ตรวจสอบสถาบันดังกล่าว ก่อนนำข้อมูลให้คณะกรรมาธิการต่อไป “ปารีณา ไกรคุปต์”ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ต่อกันที่อีกหนึ่งส.ส.จากค่ายพลังประชารัฐ“ปารีณา ไกรคุปต์”ส.ส.ราชบุรีหลายค่าย หลายสมัย และยังเป็นลูกสาวคนสวยของ “ทวี ไกรคุปต์” อดีตรัฐมนตรี และส.ส.ราชบุรี 7 สมัย นอกจากนี้เธอยังเป็นอดีตนางงามมิตรภาพ เวทีนางสาวไทยปี2544 แต่จะเรียกว่า “สวยแต่รูป จูบไม่หอม”หรือไม่ เพราะตั้งแต่เปิดประชุมสภานัดแรกเธอก็เป็นที่รู้จักอย่างทั่วถึง ไม่ใช่ด้านฝีมือ แต่เป็นฝีปากที่พ่นลงบนสื่อโซเชียล อย่างแฮชแท็ค“อีช่อ” รวมถึงการโพสต์แสดงความคิดเห็นเชิงพาดพิงออกมาอีกเรื่อย ๆ จนมีทั้งคนรักและชังเต็มโลกออนไลน์! ขณะที่ วีรกรรมของปารีณายังไม่จบแค่บนโลกออนไลน์ เพราะในสภาอันทรงเกียรติ เธอก็พร้อมไฝว้กับทุกคนตั้งแต่เพื่อน ส.ส. ด้วยกันเองไปจนถึงประธานสภา! อย่าง “ชวน หลีกภัย” ที่ปารีณาออกมาแถลงภายหลังจากชวน ไม่อนุญาตให้หารือกรณีสอบจริยธรรมพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ว่าชวนอาจจะไม่พอใจที่พรรคพลังประชารัฐชนะเลือกตั้งในพื้นที่ จ.ตรัง อย่างไรก็ตาม ปารีณาก็สนุกกับการ “จิก กัด แซะ” คนอื่นอยู่ได้ไม่นาน เมื่อตัวเธอเองถูกขุดคุ้ยเรื่องที่ดินจำนวนมากที่สงสัยว่าอาจจะถูกครอบครองโดยไม่ถูกกฎหมายจำนวนกว่า1,700 ไร่ ที่ จ.ราชบุรี งานนี้ทำเอาปารีณาสงบปากสงบคำไปบ้าง ถึงขั้นทำเอ็มโอยูกับนักข่าว โดยขอไม่พูดถึงกรณีปัญหาที่ดินดังกล่าว แต่ก็ต้องโดนแซะกลับ เพราะทั้งนักข่าวและคนทั้งประเทศต่างงงว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ!?