กลับมาอีกครั้งในเทศกาลการเดินทางของประชาชนที่เดินทางทั้งท่องเที่ยว และกลับบ้านภูมิลำเนา ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้กับการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง "กระทรวงคมนาคม" ที่ต้องดูแลทั้งในส่วนของระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท และการดูแลการจราจร และความปลอกภัยบนถนนสายหลัก และสายรอง เป็นต้น ทั้งนี้ในการเดินทางของประชาชนที่มีประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมาก จำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนต่างๆ ที่จะอำนวยความสะดวกได้อย่างเพียงพอ และมีความสุขกับการเดินทางในครั้งนี้ โดย "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวถึงแผนในการดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่2563 ว่า ได้เน้นย้ำหน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมมาตรการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาตามนโยบายของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี โดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อมไว้ 3 มาตรการ ประกอบด้วย 1.ช่วงก่อนเทศกาล 6 วัน ระหว่างวันที่ 20-25 ธ.ค.2562 จะเตรียมความพร้อมการให้บริการประชาชน ในด้านการอำนวยความสะดวกและปลอดภัย อาทิ เตรียมรถโดยสารสาธารณะและซ่อมแซมถนนให้มีสภาพดีพร้อมใช้งาน จัดทำป้ายรณรงค์ และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อช่องทางต่างๆ 2.ช่วงเทศกาล 8 วัน ระหว่างวันที่ 26 ธ.ค.2562 ถึง 2 ม.ค.2563 ให้อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนทั้งขาไปและกลับทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล และการบริการขนส่งสาธารณะ บริเวณสถานีขนส่งโดยสารและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และ 3.ช่วงหลังเทศกาล 7 วัน ระหว่างวันที่ 3-9 ม.ค.2563 ให้สรุปผลการดำเนินงานภายในวันที่ 9 ม.ค.2563 เพื่อนำไปสู่แนวทางการแก้ไขปัญหาในช่วงเทศกาลอื่นๆ ตลอดปี 2563 นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะกำหนดมาตรการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน 5 ด้าน ดังนี้ 1.จัดเตรียมและเพิ่มจำนวนขนส่งสาธารณะให้เพียงพอ 2.ยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง การเพิ่มเที่ยวและรอบบริการ 3.เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการประชาชนภายในสถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ และสถานีรถไฟฟ้า 4.อำนวยความสะดวกด้านข้อมูลการจราจรและเรื่องเรียน ผ่านศูนย์ปฏิบัติการคมนาคม สายด่วน 1356 ตลอด 24 ชั่วโมง 5.จัดตั้งจุดบริการในสถานี เส้นทางสำคัญ เพื่อให้บริการแก่ผู้เดินทางตลอด 24 ชั่วโมงรวมทั้งมีจุดบริการร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อให้บริการช่วยเหลือผู้เดินทางกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน บริการที่พักผ่อน น้ำดื่ม บริการข้อมูลต่างๆ ขณะเดียวกันยังกำหนดมาตรการอำนวยความปลอดภัย 5 ด้าน ได้แก่1.มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เน้นผู้ขับขี่และผู้โดยสารปลอดภัย รถและถนนที่ปลอดภัย โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบการกระทำผิดของรถประเภทต่างๆ โดยกรมการขนส่งทางบก จะออกประกาศหลักเกณฑ์การจ่ายส่วนแบ่งรางวัลนำจับ 50% แก่ผู้แจ้งเบาะแสให้แก่เจ้าหน้าที่ จนสามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้ 2.จัดเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์ ตรวจความพร้อมของเรือโดยสารและอุปกรณ์ช่วยชีวิต 3.เฝ้าระวังจุดตัดรถไฟและการเปิดไฟหน้ารถจักร 4.ติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณสถานี จัดเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์รักษาความปลอดภัย 5.รณรงค์หัวข้อใส่ใจกำลังสาม เดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยตลอดปีใหม่ให้กับตนเองและเพื่อนร่วมทาง "การเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2563 ว่า กระทรวงคมนาคมได้ทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและตำรวจ ซึ่งได้ติดตามและพิจารณาแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยฯ ต่างๆ และลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ตามนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้"ปีใหม่นี้จะต้องมีผู้เสียชีวิตทางถนนลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลังและกระทรวงฯ ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มเติมคือ "จะต้องไม่มีผู้เสียชีวิตบนรถโดยสารสาธารณะ" รวมถึงการยกเว้นค่าผ่านทาง 4 เส้นทาง ได้แก่ ยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และ 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี และตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน และยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษในทางพิเศษบูรพาวิถีและทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2562 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 3 มกราคม 2563 เวลา 24.00 น." นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า คาดการณ์การเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 7 วัน (27 ธ.ค.62-2 ม.ค. 63) ในส่วนของรถยนต์คาดว่าจะมีมากกว่า 8.6 ล้านคัน โดยแบ่งเป็น ขาเข้า 4.1 ล้านคัน ขาออก 4.5 ล้านคัน โดยแบ่งเป็นภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 4.8 ล้านคัน ภาคใต้ 1.6 ล้านคัน และภาคตะวันออก 2.2 ล้านคัน ส่วนการเดินทางผู้โดยสารด้วยระบบขนส่งสาธารณะจาก กทม.ไปต่างจังหวัดคาดว่าจะมีประมาณ 6.4 ล้านคน-เที่ยว โดยเป็นการเดินทางระหว่างจังหวัด ทางอากาศประมาณ 40% รถโดยสาร 25% รถไฟ 24% และทางเรือ 11% ส่วนการเดินทางภายในเขต กทม.และปริมณฑล ประมาณ 9.65 ล้านคน-เที่ยว อย่างไรก็ตาม ได้มีการคาดการณ์ว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินเพิ่มขึ้น 6% จากปีใหม่ 2562 ส่วนรถโดยสาร รถไฟ และเรือโดยสาร มีการเดินทางลดลงจากปีใหม่ 2562อ นอกจากนี้ยังได้กำหนด 5 มาตรการอำนวยความสะดวก ได้แก่ 1.แผนการให้บริการและอำนวยความสะดวก โดยจัดเตรียมและเพิ่มจำนวนขนส่งสาธารณะให้เพียงพอ 2.อำนวยความสะดวกด้านโครงข่ายการเดินทาง โดยยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง การเพิ่มเที่ยวและรอบบริการ 3.จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสถานี พร้อมเจ้าหน้าที่ให้บริการประชาชนภายในสถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ และสถานีรถไฟฟ้าให้มีความพร้อม 4.อำนวยความสะดวกด้านข้อมูลการจราจรและเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์ปฏิบัติการคมนาคม (MOTOC) สายด่วน 1356 ตลอด 24 ชั่วโมง ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารช่วงเทศกาล และแอปพลิเคชันรับเรื่องร้องเรียน 5.จัดให้บริการประชาชน โดยตั้งจุดบริการในสถานี เส้นทางสำคัญ เพื่อให้บริการแก่ผู้เดินทางตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีจุดบริการร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อให้บริการช่วยเหลือผู้เดินทางกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน บริการที่พักผ่อน น้ำดื่ม บริการข้อมูลต่างๆ และบริการตรวจสภาพรถและเปลี่ยนอะไหล่บางรายการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก หลีกเลี่ยงการขนส่งสินค้า และงดการใช้รถที่ไม่มีการบรรทุกสินค้า (รถเปล่า) ในช่วงการเดินทางเทศกาลปีใหม่ของประชาชน ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2562-5 มกราคม 2563 เนื่องจากในช่วงเทศกาลปีใหม่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ทำให้มีการใช้งานยานพาหนะบนท้องถนนมากขึ้น ทำให้โอกาสเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ แต่หากผู้ประกอบการขนส่งรายใดมีความจำเป็นต้องทำการขนส่งสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าว ขอให้เพิ่มความระมัดระวัง และปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยในการขนส่งอย่างเคร่งครัด ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางและช่วงเวลาที่มีการสัญจรเป็นจำนวนมาก และกวดขันพนักงานขับรถให้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมทั้งต้องตรวจสอบสภาพความมั่นคงแข็งแรงและอุปกรณ์ส่วนควบของรถให้พร้อมใช้งานอย่างปลอดภัย เช่น สภาพยาง ระบบเบรก จัดให้มีสิ่งป้องกันไม่ให้สิ่งของที่บรรทุกตกหล่น ส่วนผู้ประกอบการขนส่งที่มีการติดตั้งระบบ GPS ในรถของตนเอง ให้ติดตามการใช้ความเร็วอย่างต่อเนื่องให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด กรณีรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ต้องตรวจสอบอุปกรณ์สำหรับยึดตู้บรรทุกสินค้าหรือทวิสล็อก (Twist-Lock) ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ และเมื่อมีการบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ต้องสามารถล็อกตู้คอนเทนเนอร์ได้อย่างมั่นคงแข็งแรงตลอดระยะเวลาที่ทำการขนส่ง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุตู้คอนเทนเนอร์หล่นจากตัวรถ ห้ามจอดรถบริเวณไหล่ทาง กรณีที่เครื่องยนต์หรือเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถขัดข้องจนมีความจำเป็นต้องจอดรถบนทางเดินรถหรือไหล่ทางในเวลากลางคืน ต้องเปิดสัญญาณไฟกะพริบทั้งด้านหน้าและด้านท้ายรถ หรือแสดงเครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์เตือนที่ผู้ใช้รถคันอื่นสามารถสังเกตเห็นได้จากระยะไกล เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากกรณีชนท้าย เฝ้าระวังการใช้ความเร็วของรถบรรทุกให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยจัดหน่วยเคลื่อนที่ตรวจจับความเร็วในเส้นทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามการเดินรถผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ตลอด 24 ชั่วโมง นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า การเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้ให้ผู้รับจ้างหยุดการก่อสร้าง และคืนผิวจราจรในพื้นที่ก่อสร้างให้มีช่องจราจรเท่าเดิม ติดตั้งป้ายจราจร และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย ไฟกระพริบ ไฟแสงสว่าง ให้เรียบร้อย โดยเฉพาะเส้นทางสายหลักที่คาดว่าประชาชนจะเดินทางเป็นจำนวนมากได้แก่ ถนนสายเอเชีย ถนนพหลโยธิน ถนนมิตรภาพ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินทางไปสู่ภาคเหนือและ ตะวันออกเฉียงเหนือ และถนนพระราม2 เส้นทางหลักสู่ภาคใต้ อาทิเส้นทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1.โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สาย บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ตลอดแนวเส้นทางบนถนนมิตรภาพ 2.บริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอิน กรมทางหลวงได้คืนพื้นที่ผิวจราจร ขาออก มุ่งหน้า จ.สระบุรี และขาเข้า มุ่งหน้า กรุงเทพฯบนเส้นทางสายหลัก 3 ช่องจราจร ทางขนาน 2 ช่องจราจร รวมไปกลับ 10 ช่องจราจร 3. โครงการก่อสร้างสะพานกลับรถ ทางหลวงหมายเลข 1 (หหลโยธิน) กม.79 ถึง กม. 80 (หนองแค) และ กม. 90 ถึง กม.104 (สระบุรี) เคลียร์พื้นที่ก่อสร้าง สามารถคืนผิวจราจร ขาออก มุ่งหน้า จ.สระบุรี และขาเข้า มุ่งหน้า กรุงเทพฯ บนเส้นทางสายหลัก 3 ช่องจราจร ทางขนาน 2 ช่องจราจร รวมไปกลับ 10 ช่องจราจร 4.โครงการก่อสร้างสะพานกลับรถทางหลวงหมายเลข 2 (ถ.มิรภาพ) บริเวณ กม.37+500 - กม.39+000 (กลางดง) สามารถคืนพื้นที่ผิวจราจร ขาออก มุ่งหน้า จ.สระบุรี และ ขาเข้ามุ่งหน้า กรุงเทพฯ บนเส้นทางสายหลัก 3 ช่องจราจร ทางขนาน 2 ช่องจราจร รวมไปกลับ 10 ช่องจราจร เส้นทางสู่ภาคใต้ ได้แก่ โครงการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2 ) จากทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย งานขยายถนนในช่องคู่ขนานจากฝั่งละ 2 ช่อง เป็นฝั่งละ 3 ช่องรวม 6 ช่องไปกลับก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว 100% เมื่อรวมกับช่องทางหลัก (ทางด่วน) อีกฝั่งละ 3 ช่องหรือ 6 ช่อง ไปกลับรวมเป็น 12 ช่องไปกลับ กรมทางหลวงได้ตีเส้นจราจร และติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย และไฟฟ้าส่องสว่าง ทั้งนี้หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมหรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างเดินทาง สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ทั้งด้านการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง ซึ่งในช่วงเทศกาลนั้นมีการเดินทางของประชาชนเป็นจำนวนมาก ทำให้มีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มสูงกว่าปกติ โดยกรมทางหลวงชนบทได้จัดทำแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ภายใต้การรณรงค์ " ใส่ใจกำลังสาม เดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยตลอดปีใหม่ " เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง ตลอดจนการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อเป็นการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล รวมทั้งได้ขอความร่วมมือให้ผู้รับจ้างคืนผิวจราจรและ หยุดก่อสร้าง พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องหมายเตือน ไฟฟ้าแสงสว่าง/สัญญาณ อุปกรณ์ความปลอดภัยครบถ้วนตามรูปแบบที่กรมกำหนด ระหว่างวันที่26ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2563 เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวกปลอดภัยมากที่สุด นายจิรศักดิ์ เยาว์วัชสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่บขส.ได้เปิดจองตั๋วล่วงหน้า 90 วันทุกเส้นทาง ปรากฏว่า ขณะนี้ยอดจองตั๋วโดยสารเที่ยวปกติเต็มทุกที่นั่งแล้ว แต่ผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ ยังสามารถติดต่อจองตั๋วเดินทางในเที่ยวรถเสริมได้ โดยบขส.ยังเปิดจองตั๋วล่วงหน้าในบางเส้นทาง อาทิ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่,กรุงเทพฯ-เชียงราย,กรุงเทพฯ-น่าน, กรุงเทพฯ-สกลนคร,กรุงเทพฯ-นครพนม,กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี ,และกรุงเทพฯ-เกาะสมุย เป็นต้น ซึ่งรถเสริมที่นำมาวิ่งให้บริการจะเป็นรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถทะเบียน 30) ที่ได้ขออนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกแล้ว โดยล่าสุดมีผู้ประกอบการนำรถโดยสารไม่จำทางแจ้งความประสงค์ขอนำรถมาวิ่งให้บริการประมาณ 1,500 คัน นายวรวุฒิ มาลา รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ว่า การรถไฟฯ ได้ประเมินแนวโน้มการเดินทางของประชาชนช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2563 ซึ่งมีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวันคาดว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการรถไฟเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากกว่าช่วงปกติ ดังนั้นการรถไฟฯได้จัดแผนอำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2562-5 มกราคม 2563 โดยได้จัดเตรียมพร้อมพ่วงตู้โดยสารขบวนรถปกติจำนวน 242 ขบวนตามจำนวนของผู้โดยสาร เส้นทางภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคใต้ รองรับการเดินทางของประชาชน เฉลี่ยวันละ 100,000 คนต่อวัน คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางหนาแน่นมากสุดในวันที่27 ธันวาคม 180,000คนต่อวัน ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มขบวนรถพิเศษเสริมอีก 8 ขบวน เส้นทาง ศิลาอาสน์ อุบลราชธานี และอุดรธานี เส้นทางละ 1 ขบวนขบวนพิเศษปลายทางอุบลราชธานี 1 ขบวน เที่ยวไป 27-28 ธันวาคม 2562 และเที่ยวกลับ 1-2 มกราคม 2563 อย่างไรก็ตามมั่นใจจะสามารถรองรับผู้โดยสารที่เดินทางได้ไม่ตกค้างแน่นอน ขณะที่ยอดจองตั๋วรถไฟในช่วงเทศกาลปีใหม่2563 มียอดจองตั๋วขบวนรถเต็มทุกเส้นทาง สุดท้าย....ถึงแม้หน่วยงานรัฐจะเข้มงวดอย่างไรก็ตามในการลดอุบัติเหตุ และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน มันก็จะต้องขึ้นกับสามัญสำนึกของผู้ขับขี่ที่จะต้องไม่ประมาทด้วยเช่นกัน!!!