ด้วยอุตสาหกรรมโรงแรมในประเทศไทย ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนห้องพักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงงานโอลิมปิคปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น จะเป็นปัจจัยกดดันต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ปี 2563 เพราะฉะนั้นเมื่อจับตาดูภาคธุรกิจโรงแรมในปี 2563 จึงเห็นภาพในหลากหลายมิติที่น่าสนใจ ไตรมาสแรกยังมีปัจจัยหนุน สำหรับ มุมมองระยะสั้นของ บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (เซ็นเทล) คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนและประเทศอื่นจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 4 ปี 2562 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยได้ปัจจัยหนุนจากการขยายมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA จนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2563 รวมถึงได้อานิสงส์ทางอ้อมจากการประท้วงในฮ่องกง ทำให้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนจุดหมายในการท่องเที่ยว ขณะที่ มุมมองระยะยาว นั้นคงจะเป็นความคืบหน้าในการลงทุนและการเปิดให้บริการโรงแรมใหม่ของเซ็นเทล รวมถึงการติดตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2563 ว่า จะเป็นไปตามเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้หรือไม่ โดย ททท. ตั้งเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 42 ล้านคนในปี 2563 เพิ่มขึ้นราว 4% ห้องพักล้นเป็นประเด็นหลัก ด้าน นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวถึง ตลาดโรงแรมไทยปี 2563ว่า แม้แนวโน้มผลประกอบการจะไม่ลดลงเมื่อเทียบกับปี2562 แต่จะไม่เติบโตมากนัก เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกโดยตรง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างระมัดระวังการใช้จ่าย เหมือนกับสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยปี 2562 ที่เติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2561 ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภู พร้อมกันนี้ได้คาดการณ์ว่าโรงแรมทั่วประเทศไทยจะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยในปีหน้าไม่เกิน70-75%เพราะตลาดโรงแรมแข่งขันสูง จากปัจจัยห้องพักล้นตลาด (โอเวอร์ซัพพลาย) และยังต้องจับตาแนวโน้มการเข้าพักและท่องเที่ยวในไทย โดยเฉพาะช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวหรือโลว์ซีซันว่าจะยังประคองตัวกันได้มากน้อยเพียงใด ซึ่ง ธุรกิจโรงแรมจะต้องปรับตัวรับมือในทุกด้าน โดยเฉพาะการควบคุมต้นทุนอย่างรอบคอบ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันในปีหน้าจะดุเดือดเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ไม่ควรลงทุนพัฒนาโรงแรมใหม่ เพราะไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสมนัก แต่หากผู้ประกอบการรายใดลงทุนพัฒนาโรงแรมไปแล้วต้องเดินหน้าต่อ แต่จะต้องบริหารหนี้ให้ดีและระมัดระวังมากที่สุด เนื่องจากรายได้ที่เข้ามาในสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอการเติบโตแบบนี้ ส่วนหนึ่งต้องนำไปแบ่งจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ด้วย ในส่วนประเด็น ค่าเงินบาทนั้น ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบไม่ต่างจากธุรกิจท่องเที่ยวอื่นๆ เนื่องจากทำให้ราคาห้องพักและสินค้าท่องเที่ยวไทยแพงในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นผลให้โรงแรมต่างๆ ต้องแข่งขันแย่งลูกค้ากันรุนแรงขึ้น เพื่อรักษาอัตราเข้าพักไม่ให้ต่ำไปกว่าเดิม ผ่านกลยุทธ์ลดราคาห้องพัก ซึ่งปัจจุบันก็ลดราคากันอย่างเต็มที่ ดังนั้นธุรกิจโรงแรมจึงต้องปรับไปใช้โปรโมชั่นรูปแบบอื่นเพิ่มเติมและแข่งกันด้านการให้บริการ เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้า นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นจังหวัดภูเก็ต ด้าน นายมาร์ซีเอโน เบิร์จโมฮาน กรรมการผู้จัดการดีเอ็มอาร์ดี เอเชีย ผู้ดำเนินการตลาดและการขายโครงการเรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว บีชกล่าวว่า นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นจังหวัดภูเก็ต ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเนื่อง รวมทั้งยังเป็นเกาะที่มีสวยงามทางธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยว ศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงเสน่ห์ของท้องถิ่น ที่ถูกรวมเอาไว้อย่างลงตัว นอกจากนี้จากข้อมูลคอนโดเทล หรือโครงการที่อยู่อาศัยที่บริหารงานแบบโรงแรม ระบุว่า เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในภูเก็ต ดังนั้นโครงการเรดิสัน ภูเก็ต ไม้ขาว บีช จึงเกิดขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการให้เช่าคอนโดมิเนียมทั้งในระยะสั้นและระยะยาวแก่นักท่องเที่ยว มาร์ซีเอโน เบิร์จโมฮาน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวภูเก็ตโดยรวม คือ จำนวนโรงแรมใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาก จึงทำให้ซัพพลาย กับดีมานด์ของนักท่องเที่ยวไม่สมดุลกัน เฉพาะโรงแรมที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว 9.39 หมื่นห้อง เพิ่มขึ้น 1.95% ปัจจุบันมีอัตราเข้าเฉลี่ยอยู่ที่ 76.50% ลดลง 3.25% อีกทั้งยังไม่นับโรงแรมใหม่ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกกว่า 55 แห่ง ซึ่งกำลังจะทยอยเปิดตามมาในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ ทั้งนี้ จากงานวิจัยในหัวข้อ แนวโน้มตลาดโรงแรมในภูเก็ต ฉบับปรับ ปรุงข้อมูลใหม่ล่าสุดกลางปี 2562 ซึ่งบริษัทที่ปรึกษา ซีไนน์ โฮเทลเวิร์ค ได้จัดทำขึ้น พบว่าจำนวนห้องพักใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดในปี 2562-2566 ในภูเก็ตจะมีสูงถึง 15,348 ห้อง เพิ่มขึ้น 18% และธุรกิจที่เติบโตขึ้นเป็นอย่างมากในภูเก็ต คือบ้านพักหรือคอนโดมิเนียมเพื่อการพักอาศัย ที่มีแบรนด์โรงแรมเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการ ในลักษณะโฮเต็ลเรสิเดนซ์ แบบโปรแกรมบังคับเช่า หรือแบบเลือกการปล่อยเช่าเป็นโรงแรม แลกกับผลตอบแทนในการลงทุนมีการเติบโตมาก โดยกว่า 50% ของจำนวนห้องพักที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดนั้น มีจำนวน 8,337 ห้องกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมที่บริหารจัดการโดยเครือโรงแรมจากต่างประเทศ แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะลดลง แต่บริษัทจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ก็เข้ามามีบทบาทในภูเก็ตมากขึ้น