"ซีไอเอ็มบี"ระบุปี 63 เศรษฐกิจไทยโต 2.7% ขณะที่เศรษฐกิจโลกโต 3% เล็งลดเอ็นพีแอลต่ำกว่า 5% ประกาศแผนปี 63 บุกดิจิทัล เต็มที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยสร้างคุณค่าให้ลูกค้า-สังคมเป็นเป้าหมายหลัก มั่นใจกำไรตามมา นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT)เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกปีหน้าคาดโต 3% ส่วนเศรษฐกิจไทยคาดโต 2.7% ส่วนตัวมองว่าไม่ได้แย่มากมากนัก แต่ไม่ได้เติบโตอู้ฟู้รวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา มีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวยังเติบโตได้และการลงทุนของภาครัฐ โดยปีหน้าคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน ส่วนค่าเงินบาทปีหน้า คาดจะแข็งค่าขึ้นเพียงเล็กน้อย เคลื่อนไหวในกรอบ 29.5-29.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับ ซีไอเอ็มบีไทยคาดแนวโน้มกำไรก่อนหักภาษีในปี 2563 จะเติบโตขึ้น 20% จากปี 2562 ที่คาดว่าจะมีกำไรก่อนหักภาษี 1,800 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 600% จากปีก่อนที่ 271 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มการตั้งสำรองมีการปรับตัวลดลงจากปี 2561 ที่ 4,900 ล้านบาท ลดลงมาเหลือกว่า 2,000 ล้านบาทในปีนี้หลังจากระดับหนี้เสียได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาธนาคารได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ตามกลยุทธ์ Fast Forward ให้กระจายตัวไปในกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำลง จากการปรับสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อไปที่กลุ่มลูกค้ารายย่อยและรายใหญ่มากขึ้น จากเดิมที่มีกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีค่อนข้างมาก ทำให้ปัจจุบันธนาคารไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาของกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีเหมือนกับธนาคารขนาดใหญ่ในระบบ ทำให้ควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ให้อยู่ในระดับทรงตัวที่ 5% และตั้งเป้าลดลงต่ำกว่า 5% ในปี 2563 จากการควบคุมคุณภาพหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้และการขายหนี้ ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายสินเชื่อรวมในปี 2563 เติบโต 10% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 10% เช่นเดียวกัน โดยมองว่า สินเชื่อที่จะเติบโตมากที่สุดคือ สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จะขยายตัวมากที่สุด 12-13% จากการลงทุนภาคเอกชนรายใหญ่ที่ยังขยายการลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งซีไอเอ็มบีมีจุดแข็งที่มีเครือข่ายอยู่ในหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน ช่วยขยายการลงทุนให้ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ขณะที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในปี 2563 ที่จะทยอยออกมาจะทำให้ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ได้รับอานิสงส์ไปด้วย ด้านสินเชื่อรายย่อยตั้งเป้าโต 8% ซึ่งจะเป็นการเติบโตที่มาจากสินเชื่อส่วนบุคคล หลังจากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาธนาคารเห็นความต้องการใช้สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการขอสินเชื่อบุคคลผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งธนาคารเตรียมแผนเน้นปล่อยสินเชื่อผ่านดิจิทัลมากขึ้นจากปีนี้ 14% เป็น 42% ในปีหน้า หรือคิดเป็นมูลค่า 3 พันล้านบาทของสัดส่วนสินเชื่อรายย่อย นอกจากนี้ในปี 2563 ธนาคารตั้งเป้าจะเป็นธนาคารที่สามารถทำธุรกรรมผ่าน Digital Platform ได้ 100% เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุดด้วย 3 แอพพลิเคชั่นหลักคือ 1.CIMB THAI Digital Banking สำหรับทำธุรกรรมพื้นฐานโอนเงิน ชำระเงิน ซื้อขายกองทุน 2.Mobile Lending สำหรับปล่อยสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ผ่านมือถือ 3.Debt Consolidation การรวมหนี้เพื่อรีไฟแนนซ์ลดภาระดอกเบี้ยให้ถูกลง ซึ่งเป็น Digital Platform ที่สามารถทำงานได้รวดเร็วและง่าย รวมถึงการนำบริการที่เชื่อมโยงกับพันธมิตรที่เป็น Non-Bank เข้ามาเสริมบริการให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้หลากหลายมากขึ้น พร้อมตั้งเป้ามีผู้ใช้งาน Digital Platform ของธนาคารในปี 2563 ไว้ที่ 500,000 ราย ส่วนการพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของธนาคารนั้น ธนาคารยังคงรอการพิจารณาความเหมาะสมจากคณะกรรมการธนาคารก่อน ซึ่งแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2562 มีกำไรดีขึ้นมาต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสกลับมาจ่ายปันผลในงวดปีนี้ให้กับผู้ถือหุ้นได้ แต่ยังคงต้องรอดูว่าที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารจะพิจารณาความเหมาะสมในเรื่องดังกล่าวอย่างไร หลังจากที่ธนาคารงดการจ่ายเงินปันผลมาต่อเนื่อง