บมจ.ไทยออยล์ คาดในปี 2563 ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 55-65 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เหตุเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากที่ต่ำสุดในรอบ 10ปีในปี 62 บมจ.ไทยออยล์ ประเมินราคาน้ำมับดิบดูไบ ที่ประเทศไทย ใช้เป็นราคาอ้างอิง โดยคาดว่า ปี 2563 ราคาจะอยู่ที่ระดับ 55-65 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เหตุเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากที่ต่ำสุดในรอบ 10ปีในปี 2562 โดยอุปสงค์น้ำมันโลกคาดที่มีแนวโน้มขยายตัวที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน(สำนักงานพลังงานสากล-IEA รายงาน ณ เดือนธ.ค.62) ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ร้อยละ 3.4 (กองทุนการเงินระหว่างประเทศ-IMF รายงาน ณ เดือนต.ค.62) ทั้งนี้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว หลังธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกได้ออกนโยบายกระตุ้นผ่านการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยและเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในขณะที่คาดสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯและจีนมีแนวโน้มดีขึ้น หลังมีการเจรจาการค้าระยะแรกเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนธ.ค.62 และจะเจราจาระยะต่อไปภายในปี 2563 ประกอบกับผู้ผลิตกลุ่มโอเปกและพันธมิตรร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากข้อตกลงเดิมที่ปรับลดการผลิตที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปสู่ระดับ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 นอกจากนี้กำลังการผลิตของอิหร่านและเวเนซุเอลายังคงอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง หลังถูกจำกัดการส่งออกจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา ยิ่งไปกว่านั้น ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลางยังส่งผลต่อความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านอุปทานน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบในปี 2563 ยังถูกกดดัน เนื่องจากอุปทานน้ำมันโลกจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น 1.8-2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน นำโดยสหรัฐฯ,นอร์เวย์,แคนาดา และบราซิล ทั้งนี้ปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของแหล่งผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกำลังการผลิตทั้งหมด หลังมีการเปิดดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในปี 2562 และ 2563 โดยคาดว่าการส่งออกน้ำมันดิบจากสหรัฐฯจะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 3.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงขึ้น 0.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับในปี 2562 ขณะที่ปริมาณการผลิตของประเทศนอร์เวย์จะปรับเพิ่มขึ้น 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังแหล่งผลิตน้ำมันดิบในทะเลเหนือเริ่มเปิดดำเนินการผลิตอย่างเต็มที่ในปี 2563 สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2562 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 63 เหรียญต่อบาร์เรล ปรับลดลงจากราคาเฉลี่ยในปี 2561 ที่ระดับ 70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันเติบโตชะลอตัวลงจากผลกระทบของสงครามการค้าส่งผลให้เศรษฐกิจโลกอ่อนตัวลง โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจโลกปี 2562 จะขยายตัวต่ำสุดในรอบ 10 ปีที่ร้อยละ 3.0 (รายงาน ณ เดือนต.ค.62) ซึ่งปรับลดลงค่อนข้างมากจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 3.6 หลังได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญจากการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ขณะที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันโลกในปี 2562 จะเติบโตที่ระดับ 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปรับลดลงจากปี 2561 ที่เติบโตที่ระดับ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ท่ามกลางปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของประเทศสหรัฐอเมริกายังคงปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพ.ย.62 กำลังการผลิตน้ำมันดิบในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ระดับ 12.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือว่าสูงขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า ขณะที่ในปี 2562 การส่งออกน้ำมันดิบจากประเทศสหรัฐอเมริกาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยที่ระดับ 2.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือร้อยละ 48.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการเปิดดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันแห่งใหม่ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการร่วมมือปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมทั้งปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงของประเทศอิหร่านและประเทศเวเนซุเอลาที่ถูกมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยกำลังการผลิตน้ำมันดิบในประเทศอิหร่านและประเทศเวเนซุเอลาปี 2562 ลดลง 1.2 และ 0.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า