กรณีชาวบ้านพบโครงกระดูก น.ส.กลิ่นเกษร วงษ์สิ่ง อายุ 33 ปี ชาว จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นบุคคลสูญหายตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี2559 สภาพถูกหุ้มด้วยผ้าปูที่นอน ภายในซากรถเก๋งทะเบียน 4กฐ- 6348 กทม. จมน้ำในคลองชลประทาน ชัยนาท-ป่าสัก พื้นที่ สภ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ขณะที่แม่ผู้ตายออกมาเปิดเผยว่าลูกสาวน่าจะถูกคนร้ายฆาตกรรมอำพราง โดยทำให้รถจมน้ำเหมือนเกิดอุบัติเหตุ เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 25 ธันวาคม ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1(บช.ภ.1) พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พร้อม พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย,พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 ร่วมกับ พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.บช.ภ.1 และ พล.ต.ต.ชัยน์วัฒน์ อรัญวัฒน์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี แถลงผลการจับกุม นายสันติ หรือเสี่ยไฮ้ จึงทองดี อายุ 62 ปี และ นายนิวัฒน์ หรือแจ๊ค เฉลิมวัฒน์ อายุ 36 ปี สองผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 294,293/2563 ลง 24 ธ.ค.2562 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทําลายศพฯ, ร่วมกันทําให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทําลายศพฯ, ร่วมกันกระทำการใดแก่ศพในประการที่น่าจะทําให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปเพื่ออําพรางคดี” โดยจับกุมตัวได้ในบริษัท ห้าดาวเคมีภัณฑ์ จํากัด ตำบลและอำเภอพระพุทธบาท จ.สระบุรี พล.ต.ท.อำพล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ปี 2559 นางลั่นทม วงษ์สิงห์ อายุ 57 ปี ได้แจ้งความกับตำรวจ สภ.พระพุทธบาท ว่า น.ส.กลิ่นเกสร วงษ์สิงห์ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาวของตนได้หายตัวไป กระทั่งเช้าวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีพลเมืองดีแจ้งตำรวจ สภ.หนองโดน ว่าพบรถยนต์จมน้ําอยู่กลางคลองชลประทาน ชัยนาท-ป่าสัก ต.บ้านโป่ง อ.หนองโดน จ.สระบุรี ก่อนเข้าตรวจสอบรถยนต์ดังกล่าวจมในคลอง ภายในรถยนต์พบผ้าปูที่นอนห่อโครงกระดูกมนุษย์ ,ซิลิโคน,เสื้อผ้า เอกสารและบัตรหลายรายการ เมื่อนำโครงกระดูกมนุษย์ไปตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรมดีเอ็นเอ จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์พบว่าโครงกระดูกมนุษย์ที่พบ มีความสัมพันธ์ระหว่างนางลั่นทม กับ น.ส.กลิ่นเกสร เป็นมารดาและบุตรกันตามหลักถ่ายทอดพันธุกรรม สำหรับรถยนต์คันดังกล่าวปรากฎชื่อผู้ครอบครองเป็นของ น.ส.กลิ่นเกสร ผู้ตาย รวมถึงเอกสารและสิ่งของต่างๆ บนรถ จึงยืนยันได้ว่าโครงกระดูกที่พบในรถคือ น.ส.กลิ่นเกสร พล.ต.ท.อำพล กล่าวต่อ จากการสอบสวนทราบข้อเท็จจริงว่า น.ส.กลิ่นเกสร ได้คบหากับนายสันติ ก่อนมีเหตุขัดแย้งทะเลาะวิวาทกันเรื่องความหึงหวง กระทั่งผู้ตายหายตัวไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ วัตถุพยานที่พบบนศพ ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าโรงงานที่เกิดเหตุ รวมถึงการสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ จนทราบถึงความใกล้ชิดระหว่างผู้ต้องหากับผู้ตาย และสถานที่สุดท้ายที่ผู้ตายเดินทางไปคือโรงงานปุ๋ยดังกล่าว ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นสถานที่ก่อเหตุฆาตกรรม อย่างไรก็ตาม สาเหตุการเสียชีวิตนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบเนื่องจากไม่มีภาพวงจรปิดที่เห็นภาพ ก่อนจะใช้ผ้าปูที่นอนจากบ้านนายสันติ ห่อหุ้มศพผู้ตายไว้ แล้วนํามาทิ้งลงน้ำพร้อมกับรถยนต์เพื่ออําพรางคดี จนคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสระบุรีอนุมัติหมายจับนายสันติ และนายนิวัฒน์ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทที่ได้ร่วมกระทำผิด จนสามารถติดตามจับกุมตัวทั้งคู่ได้ในที่สุด พล.ต.ท.อำพล กล่าวอีกว่า ในชั้นจับกุมทั้งสองผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ แต่ให้การเป็นประโยชน์ในบางประเด็น ขณะที่ยังไม่พูดถึงเรื่องความหึงหวง ทั้งนี้เชื่อได้ว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุอีก แต่ยังอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวสองผู้ต้องหาไปรอขออำนาจศาลจังหวัดสระบุรีฝากขังผัดแรกในวันพรุ่งนี้(26 ธ.ค.) พร้อมสั่งค้านประกันตัวเนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทั้งนี้ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 1 หลายสิบนาย คุมตัวนายสันติ และนายนิวัฒน์ ขึ้นรถตู้ของ สภ.แก่งคอย เพื่อเดินทางไปสอบปากคำต่อ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงแรงจูงใจการก่อเหตุ หรือต้องการยืนยันความบริสุทธิ์หรือไม่ นายสันติ ปฏิเสธไม่ตอบคำถามใดๆ โดยพยายามยกมือปิดบังใบหน้า มีรายงานว่า จากการสืบประวัติของนายสันติ พบว่ามีพี่ชายทำงานเกี่ยวเรื่องกฎหมายจึงมีความรู้ด้านกฎหมายเป็นอย่างดี ด้านทีมทนายความส่วนตัวของนายสันติ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่ให้การปฏิเสธตามสิทธิ์ผู้ต้องหา และยืนยันความบริสุทธิ์ ทั้งยังไม่มีความกังวล แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดของคดีเพราะอยู่ในสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่การยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวนั้นคาดว่าทางครอบครัวผู้ต้องหาจะรวบรวมหลักทรัพย์เพื่อขอยื่นประกันกับศาลต่อไป